Search
Close this search box.

พรีวิว All-New GWM TANK 300 HEV ก่อนเปิดตัววันที่ 28 กันยายนนี้

All-New GWM TANK 300 HEV รถยนต์พรีเมียม SUV ภายใต้แบรนด์ GWM TANK ซึ่งเป็นแบรนด์เอสยูวีออฟโรดของเกรท วอลล์ มอเตอร์ ในปัจจุบันมียอดขายของแบรนด์กว่า 250,000 คัน ทั่วโลก

All-New GWM TANK 300 HEV
สร้างขึ้นบนแพลตฟอร์มออฟโรดอัจฉริยะ TANK ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์เบนซิน 2.0 ลิตร มีระบบเทอร์โบแปรผัน (VGT) ให้กำลังสูงสุด 244 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 380 นิวตันเมตร เป็น flat torque ในช่วง 1700 – 4000 รอบต่อนาทีทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้าให้กำลังมอเตอร์ไฟฟ้าสูงสุด 106 แรงม้า และแรงบิดมอเตอร์ไฟฟ้าสูงสุด 268 นิวตันเมตร ระบบเกียร์แบบ 9 สปีด รวมถึงโหมดการขับขี่สูงสุดถึง 7 รูปแบบ ได้แก่ โหมดปกติ โหมดสปอร์ต โหมดประหยัด โหมดพื้นหิมะ โหมดพื้นโคลน โหมดพื้นทรายและโหมด 4L

การออกแบบระบบกันสะเทือนหน้าแบบอิสระ ดับเบิล ครอส อาร์ม ระบบกันสะเทือนหลังแบบมัลติลิงก์และดิสก์เบรก แบบมีครีบระบายความร้อนทั้ง 4 ล้อ ให้การขับขี่ที่ยึดเกาะถนนและนั่งสบายเพื่อตอบสนองการขับขี่ทั้งในเมืองและนอกเมือง เพื่อความต้องการของทุกสถานการณ์

สำหรับ All-New GWM TANK 300 HEV มีด้วยกันทั้งหมด 2 รุ่น ได้แก่ รุ่น ULTRA และ รุ่น PRO
สีรถภายนอก : มีทั้งหมด 4 สี ได้แก่ สีส้ม ใหม่, ดำ เทา และขาว
สีรถภายใน : สีดำ (ลักษณะของเบาะจะแตกต่างกันในรุ่น รุ่น ULTRA และรุ่น PRO)

การออกแบบภายนอก
อยู่ภายใต้แนวคิดของ "แฟชัน นำสมัย และแข็งแกร่ง ด้วยการผสมผสานดีไซน์แบบออฟโรดเข้ากับดีไซน์ BOXY ให้ความโดดเด่นและแปลกตาตั้งแต่ด้านหน้าจรดท้ายด้วยกระจังหน้าดีไซน์ rectangle ตัดขอบด้วยสี piano black ที่รวมการจัดเรียงของไฟหน้าทรงกลมตัด DRL ทรงเหลี่ยมผสานเข้ากับตัวรถ รับด้วยช่องระบายอากาศสี piano black และโลโก้ TANK เพิ่มความเท่ด้วยกันชนดีไซน์ออฟโรดร่วมสมัย บังโคลนขนาดใหญ่ และบันไดข้าง รับดีไซน์ด้านหลังแบบออฟโรดด้วยประตูท้ายแบบ horizontal ยางอะไหล่ติดตั้งบนประตูท้าย พร้อมกล้องมองหลังที่ซ่อนอยู่บนฝาครอบยางอะไหล่ได้อย่างลงตัว
-ไฟหน้า Intelligent LED มีระบบเปิด-ปิดไฟหน้าอัตโนมัติ ระบบปรับไฟสูง-ต่ำอัตโนมัติ และฟังก์ชันหน่วงเวลาไฟส่องทางหลังดับเครื่อง

(Follow me home) พร้อม Daytime Running Light และไฟตัดหมอก LED
-ไฟท้าย Vertical LED ดีไซน์โดดเด่นในแนวตั้ง มาพร้อมไฟเบรกดวงที่ 3 และไฟตัดหมอก LED
-หลังคาซันรูฟแบบเปิด-ปิดด้วยระบบไฟฟ้า มาพร้อมราวหลังคาเพื่อเพิ่มฟังก์ชันการใช้งาน และเสาอากาศ แบบ shark fin
-ล้ออัลลอยขนาด 17 นิ้ว สีดำ พร้อมยาง A/T ขนาด 265/65 R17
-มิติตัวรถ (กว้าง x ยาว x สูง) 1,930 x 4,760 x 1,903 มม. ระยะฐานล้อ 2,750 มม. ให้พื้นที่เก็บสัมภาระ 1,635 ลิตร เมื่อพับเบาะแถวที่ 2

การออกแบบภายใน
มาในสไตล์ Premium off-road ที่ให้ความรู้สึกหรู ทันสมัย กว้างขวาง สะดวกสบาย และใส่ใจในทุกรายละเอียด ด้วยระบบปรับอากาศอัตโนมัติด้านหน้าแยกอิสระซ้ายและขวา เบาะหนัง NAPPA ลำโพง Infinity พร้อมซับวูฟเฟอร์ และการตกแต่งห้องโดยสารด้วย Ambient Light ให้ความเพลิดเพลินในทุกช่วงเวลาการขับขี่
-การเชื่อมต่อของหน้าจอทั้ง 2 ช่วยให้เข้าถึงข้อมูลได้ง่ายและปลอดภัย
-หน้าจอมัลติมีเดียแบบสัมผัส ขนาด 12.3 นิ้ว รองรับได้ทั้ง Apple CarPlay, Android Auto, MP5, Bluetooth
-หน้าจอแสดงผลข้อมูลการขับขี่แบบดิจิทัล ขนาด 12.3 นิ้ว
-ระบบความบันเทิงพร้อมลำโพง Infinity จำนวน 8 ตำแหน่งพร้อมซับวูฟเฟอร์
-พวงมาลัยไฟฟ้า และระบบควบคุมการเปลี่ยนเกียร์ (Paddle Shift) พร้อมสวิตช์ควบคุมโหมดการขับขี่
-ไฟตกแต่งห้องโดยสารพร้อมฟังก์ชันแบบหลากสี
-นาฬิกาแบบคลาสสิก
-เบาะนั่งปรับไฟฟ้าคู่หน้า พร้อมระบบเบาะนวดไฟฟ้าเบาะคนขับ ระบบดันหลังไฟฟ้าเบาะคนขับ ระบบระบายอากาศและเบาะหนัง NAPPA เบาะนั่งคนขับปรับไฟฟ้าได้ 8 ทิศทาง พร้อมระบบ Memory Seat และระบบ Welcome Seat เพื่อความสะดวกสบายในการขึ้น-ลงจากรถ เบาะผู้โดยสารด้านหน้าปรับไฟฟ้า 4 ทิศทาง
-เบาะนั่งโดยสารแถวที่ 2 พร้อมพนักพิงปรับ 2 ระดับ
-พื้นที่ห้องโดยสารอเนกประสงค์ เบาะนั่งโดยสารแถวที่ 2 สามารถแยกพับเบาะได้แบบ 60:40 ช่วยเพิ่มพื้นที่และความสะดวกในการจัดเก็บสัมภาระ
-แผงควบคุมที่คอนโซลกลาง พร้อมฟังก์ชันควบคุมการขับขี่แบบออฟโรด
-เกียร์แบบ Electronic Shifter ด้วยระบบเกียร์อัตโนมัติ 9 สปีด (9HAT) ชุดเกียร์ไฟฟ้า ดีไซน์หรู สีเดียวกับแผงคอนโซล
-ระบบล็อกประตูอัตโนมัติเมื่อถึงความเร็วที่กำหนด ระบบกุญแจ Smart Key และระบบ Push Start
-ระบบปรับอากาศอัตโนมัติ แยกอิสระซ้าย-ขวา พร้อมระบบกรองอากาศ PM2.5 และ Ionizer
-ระบบชาร์จโทรศัพท์แบบไร้สาย
-ช่อง USB สำหรับผู้โดยสารด้านหน้า/หลัง และสำหรับกล้องบันทึกภาพ
-ช่องจ่ายไฟสำรอง 220V แบบพร้อมเต้ารับสายไฟ

แพลตฟอร์มออฟโรดอัจฉริยะ ได้แก่
-รองรับระบบส่งกำลังได้ถึง 3 รูปแบบ ได้แก่ ICE, HEV และ PHEV รองรับได้ทั้งเครื่องยนต์ 2.0 ลิตรและ 3.0 ลิตร -การออกแบบโดยรวมของโมดูลาร์ รองรับระบบกันสะเทือนที่หลากหลายและความสามารถในการขยายขนาดเพื่อผลิตรถในขนาดที่แตกต่างกัน -การสร้างผลิตภัณฑ์ออฟโรดที่มีประสิทธิภาพสูงสุด สามารถกำหนดค่าออฟโรดที่ครอบคลุม และระบบขับเคลื่อนสี่ล้ออัจฉริยะที่เชื่อถือได้

มีระบบช่วยเหลือการขับขี่แบบออฟโรดอันชาญฉลาดและล้ำสมัย
-ระบบล็อกเฟืองขับด้านหน้าและด้านหลัง (Electric Differential Lock for front and rear axles) สร้างระบบขับเคลื่อนออฟโรดแบบ 3 Locks เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการขับขี่ออฟโรด
-ระบบช่วยกลับรถในพื้นที่แคบ (TANK Turn)
-ระบบ 4WD อัจฉริยะเจเนอเรชั่นที่ 2 ด้วยการใช้ 4WD แบบเรียลไทม์อัจฉริยะ ระบบสามารถสลับโหมดได้ 3 โหมด ได้แก่ ขับเคลื่อนสองล้อ (2H สอดคล้องกับโหมดประหยัด) ขับเคลื่อนสี่ล้ออัจฉริยะ (AWD) และระบบขับเคลื่อนสี่ล้อความเร็วต่ำ (4L)
-Off-road Cruise Control เหมาะสำหรับถนนออฟโรดที่มีสภาพซับซ้อน-Body Transparent ระบบแสดงภาพใต้ท้องรถ
-ยางล้อแบบ A/T รุ่น Ultra ติดตั้งยาง Continental Horse AT

ฟังก์ชันอัจฉริยะ (Intelligent Functions)
-การอัพเกรดเฟิร์มแวร์ผ่านระบบออนไลน์อัจฉริยะ (FOTA) ระบบดังกล่าวมาพร้อมกับความสามารถในการอัพเกรดเฟิร์มแวร์สำหรับการควบคุมระบบขับเคลื่อน ระบบส่งกำลัง ระบบการขับขี่อัจฉริยะต่าง ๆ รวมถึงระบบ Infotainment และระบบควบคุมอื่น ๆ ภายในรถยนต์ได้อย่างง่ายดาย
-การสั่งงานด้วยเสียงอัจฉริยะ (Voice Command) มีความสามารถในการจดจำเสียงได้เป็นอย่างดี จึงสามารถช่วยลดการใช้งานจากการกดปุ่มเป็นการเพิ่มความสะดวกสบายให้แก่ผู้ขับขี่และลดความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุ โดยผู้ขับขี่สามารถสั่งการและโต้ตอบด้วยเสียงเพื่อใช้งานฟังก์ชันต่าง ๆ รวมไปถึงการเข้าถึงระบบเอ็นเตอร์เทนเม้นท์ภายในรถ
-GWM Application: ระบบที่จะช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถควบคุมและเชื่อมต่อฟังก์ชันของรถยนต์ได้ แม้ผู้ขับขี่จะอยู่ในระยะที่ไกลจากตัวรถ เช่น การควบคุมระบบปรับอากาศ การล็อกและปลดล็อกประตู การค้นหาตำแหน่งรถยนต์ การปิดกระจก ปิดหลังคาซันรูฟ การควบคุมระบบการระบายความร้อนของเบาะ ระบบขอบเขตอิเล็กทรอนิกส์ และระบบตรวจสอบสถานะอื่น ๆ

สำหรับเทคโนโลยีที่ล้ำสมัยให้คุณและครอบครัวเดินทางอย่างปลอดภัยไร้กังวล
-ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผันพร้อมการช่วยเข้าโค้งอัจฉริยะ (Intelligent ACC) มาพร้อมกล้องติดรถยนต์ ADAS ช่วยควบคุมในช่วงความเร็วเต็มพิกัดที่กำหนดไว้ รวมถึงการหยุดและรีสตาร์ทกลับไปยังความเร็วที่ตั้งไว้ก่อนหน้า เมื่อระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน (ACC) ทำงาน กล้องจะทำการตรวจสอบความโค้งของถนน และความเร็วจะถูกปรับอัตโนมัติหากจำเป็นต้องลดความเร็วในขณะเข้าโค้งเพื่อความปลอดภัย และเมื่อผ่านโค้งไปแล้ว รถจะกลับเข้าสู่ความเร็วเดิมที่ตั้งไว้
-ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติที่ความเร็วต่ำ (TJA) เป็นระบบควบคุมความเร็ว ที่ช่วยควบคุมรถให้ติดตามรถด้านหน้าหรือขับต่อไปด้วยความเร็วคงที่เพื่อลดภาระของผู้ขับขี่
-ระบบช่วยจอดรถอัตโนมัติ 3 รูปแบบ (IIP) ใช้เซนเซอร์และกล้องในการตรวจสอบเพื่อตรวจจับวัตถุและเส้นบริเวณช่องจอดหรือจุดจอดรถ และช่วยทำงานเต็มรูปแบบเพื่อเข้าจอด ทั้งแนวตรง แนวจอดเทียบข้าง และแนวเฉียง โดยเมื่อระบุช่องว่างที่จะนำรถเข้าจอดแล้ว รถจะทำการจอดด้วยตัวเองด้วยการควบคุมพวงมาลัย เบรก และคันเร่ง
-ระบบช่วยถอยหลังอัตโนมัติ (ARA) ในขณะที่ขับรถต่ำกว่า 30 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ระบบจะบันทึกเส้นทางและสามารถถอยหลังกลับได้ในระยะ 50 เมตรโดยอัตโนมัติ ในเส้นทางที่ถูกบันทึกไว้
-กล้องแสดงภาพรอบทิศทาง 360 องศา ประกอบไปด้วยกล้องที่มองได้รอบ 4 ตัว มีความละเอียดคมชัดระดับ Megapixel โดยระบบจะรวมเอามุมมองภาพทั้ง 4 กล้องมาสร้างภาพที่มีมุมมอง 360 องศา เพื่อแสดงให้เห็นมุมมองของรถจากมุมบน ระบบทำงานอัตโนมัติเมื่อเข้าสู่โหมดการถอยหลัง โดยสามารถดูได้เมื่อขับรถที่ความเร็วต่ำกว่า 30 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
-ระบบเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติบนทางตรงและทางแยก (AEBI) ช่วยตรวจจับรถยนต์ทั้งทางตรงและทางแยก เมื่อเสี่ยงต่อการชน ระบบจะส่งสัญญาณเตือนด้วยเสียงและการเบรกอัตโนมัติช่วยหลีกเลี่ยงการชนหรือลดแรงกระแทก
-ระบบช่วยเตือนและเบรกเมื่อมีรถในจุดอับสายตาขณะถอยหลัง (RCTB) เซนเซอร์ช่วยตรวจสอบจุดอับสายตาด้านหลังของตัวรถทั้งด้านซ้ายและด้านขวาของช่องทางเดินรถในขณะถอยหลัง เมื่อกำลังถอยหลังออกจากช่องจอดเซนเซอร์หลังของรถจะทำการเช็กด้านซ้ายและขวาของช่องจราจรและ ส่งสัญญาณเตือนด้วยเสียง หากผู้ขับขี่ยังเพิกเฉย ไม่หยุดรถ ระบบเบรกอัตโนมัติในกรณีฉุกเฉินจะเริ่มทำงานเพื่อหลีกเลี่ยงการชน
-ระบบช่วยเลี่ยงการเข้าใกล้รถใหญ่จากด้านข้าง (WDS) โดยระบบจะตรวจสอบรถบรรทุกขนาดใหญ่หรือรถที่มีขนาดยาว ในระหว่างการแซง ระบบจะรักษาช่องว่างระหว่างรถตามระยะที่เหมาะสมเพื่อหลีกเลี่ยงการปะทะ และกลับสู่เลนเดิมอัตโนมัติ
-ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลน (LKA) ระบบตรวจจับเส้นถนนและช่วยประคองพวงมาลัยให้รถอยู่ในเลน
-ระบบช่วยเตือนเมื่อรถออกนอกเลน (LDW) ระบบตรวจจับเส้นถนนและช่วยแจ้งเตือนเมื่อรถกำลังออกนอกเลน
-ระบบช่วยรักษาระยะให้อยู่กลางเลน (LCK) ระบบตรวจจับเส้นถนนและช่วยประคองรถให้อยู่กึ่งกลางเลน
-ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลนในภาวะฉุกเฉิน (ELK) โดยหากมีการตรวจสอบพบรถอีกคันกำลังแล่นมา หรือมีรถแซงขึ้นมาจากอีกเลนหนึ่ง ระบบจะทำการแทรกแซงการทำงานมากขึ้นเพื่อหลีกเลี่ยงหรือลดการชน
-ระบบช่วยชะลอความรุนแรงของการเกิดการชนซ้ำครั้งที่ 2 (SCM) โดยรถจะพยายามรักษาเสถียรภาพเอาไว้เพื่อไม่ให้เกิดอุบัติเหตุซ้ำซ้อน
-ระบบช่วยลงทางลาดชัน (HDC) ใช้เบรกเพื่อช่วยควบคุมความเร็วของรถขณะขับบนทางลาดชันเพื่อให้ผู้ขับขี่มีสมาธิในการบังคับพวงมาลัย
-ระบบช่วยออกตัวบนทางชัน (HSA) เมื่อออกจากจุดที่หยุดนิ่งบนเนินสูงชัน เบรกจะยังคงค้างอยู่ราว 2 วินาที จนกระทั่งคันเร่งทำงานเพื่อป้องกันการถอยหลัง
-ระบบช่วยเตือนการเปิดประตู (DOW) หลังจากจอดรถยนต์แล้ว ระบบจะแจ้งเตือนหากระบบตรวจพบเป้าหมายที่เสี่ยงต่อการชนหากเปิดประตูรถยนต์
-ระบบตรวจความดันลมยาง (TPMS) โดยรถจะทำการวัดแรงดันลมยางอย่างต่อเนื่องและเตือนผู้ขับขี่หากมีแรงดันลมยางล้อใดลดลง