Search
Close this search box.

คุ้มกับเงินหรือไม่ | Toyota bZ4X Review

Toyota bZ4X รถยนต์ไฟฟ้า 100% ราคาจำหน่ายอยู่ที่ 1,836,000 บาท ซึ่งถ้าท่านใดสนใจอยากจะจองรถคันนี้ ขอบอกก่อนเลยนะครับว่าปีนี้ทาง Toyota เค้ามีจำนวนจำกัดเพียง 40 คันเท่านั้น และตอนนี้ยอดจองเองก็เลยโควต้าไปเรียบร้อยแล้วโดยทาง โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย ได้แจ้งอย่างเป็นทางการว่าปิดรับจองแล้ว ถ้าสนใจลองสอบถามกันอีกทีนะครับ

จากกระแสที่ท่านผู้ชมทราบรถคันนี้จะมีระบบขับเคลื่อน 2 แบบคือ 4WD ซึ่งเป็นตัวท็อปสุด และรุ่นขับเคลื่อน 2 ล้อ แต่รุ่นที่จำหน่ายในประเทศไทยตอนนี้จะเป็นรุ่นขับเคลื่อน 4 ล้อเท่านั้นครับ ซึ่งถ้าคุณเปรียบเทียบแล้วราคาของรุ่นขับ 2 จะถูกกว่ารุ่นขับ 4 และราคาของรุ่นขับ 2 คาดการณ์ไว้จะอยู่ที่ประมาณ 1,600,000 บาท ซึ่งรุ่นขับ 2 ทาง Toyota จะนำเข้ามาจำหน่ายหรือไม่ก็จะต้องมาดูกระแสของรุ่นขับ 4 กันอีกครั้ง สำหรับยอดขายหรือยอดจองของปีนี้มันก็เกินเป้าจากที่ Toyota ตั้งมาเรียบร้อยแล้ว ซึ่งไม่แน่ในอนาคตก็อาจจะมีเข้ามาอีกแน่นอนต้องอดใจรอกันสักนิดนึงครับ

ถ้าพูดถึงรถไฟฟ้าในบ้านเราตอนนี้ก็จะมีอยู่หลากหลายรุ่นพอควร เช่น Ora Good Cat, MG ZS EV, MG EP, BYD ATTO 3 เป็นต้น ทางฝั่งยุโรปก็จะมี BMW iX, BMW iX3, Mercedes Benz EQS ถ้าเรายังไม่รีบก็รอในอนาคตจะมีเข้ามาให้เลือกอีหลายรุ่นแน่นอนครับ

ราคารถยุโรปราคาก็จะสูงอยู่พอสมควร ถ้าเป็นรถจาก MG หรือ GWM ราคาก็จะอยู่ที่ประมาณ 1 ล้านบาทต้นๆ ส่วนของ Toyota ถ้านำมาเปรียบเทียบกันก็จะสูงอยู่เหมือนกัน

จุดแข็งของ Toyota คือความเชื่อใจจากลูกค้า ไม่ว่าจะเป็นเรื่องโครงสร้างรถที่ออกแบบภายใต้ E-TNGA เป็นโครงสร้างที่ทาง Toyota ออกแบบมาเพื่อรองรับรถไฟฟ้าโดยเฉพาะไม่ใช้การนำโครงสร้าง TNGA มาพัฒนาแต่เป็นการ Set 0 แล้วเริ่มออกแบบใหม่เพื่อรองรับกับรถไฟฟ้า ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของน้ำหนักตัวรถ

Toyota bZ4X จะมีมอเตอร์มาให้ 2 ตัวคือด้านหน้า และด้านหลัง ที่ทำงานแบบอิสระซึ่งแต่ละตัวจะมีขนาด 80 กิโลวัตต์ รวมกันได้ 160 กิโลวัตต์ แรงม้าจะอยู่ที่ 218 แรงม้า แรงบิดสูงสุดอยู่ที่ 337 นิวตันเมตร ที่ชาร์จแบตเตอรี่จะเป็นแบบ AC Type 2 และ DC แบบ CCS Type 2 ส่วนแบตเตอรี่จะเป็น ลิเธียม-ไออน ขนาด 71.4 กิโลวัตต์ เร่งความเร็ว 0-100 กม./ชม. ใช้เวลา 6.9 วินาที

เดี๋ยวเราจะดูการใช้งานของรถคันนี้กันครับว่าคุ้มค่าหรือไม่ มีระบบอะไรบ้างฟังก์ชั่นการใช้งานเป็นอย่างไร และมี Option อะไรบ้าง

เรามาเริ่มกันที่ระบบช่วยจอดหรือ Parking Assist ครับ เพียงแต่กด “P” ตรงคอนโซลกลางและดูที่หน้าจอ รถจะสำรวจที่จอดที่สามารถเข้าจอดได้ เราสามารถกดเลือกตำแหน่งที่ต้องการได้เลย และเซ็นเซอร์ของรถทำงานได้ดี จากที่เคยลองจากคันอื่นมาเราจะต้องขยับรถไปเรื่อย ๆ ถึงจะจับตำแหน่งได้หรือบางทีก็จับไม่ได้เลย แต่คันนี้แค่จอดเฉย ๆ ก็แสดงตำแหน่งที่จอดได้อย่างชัดเจน หลังจากที่เราเลือกตำแหน่งจอดแล้ว ให้มากดที่ Start และปล่อยเบรกรถจะเคลื่อนตัวจอดเองอัตโนมัติอย่างนุ่นนวล เพื่อความปลอดภัยควรจะวางเท้าไว้ที่เบรกเตรียมไว้ในกรณีฉุกเฉินทุกครั้งครับ

การทดสอบ 0-100 กม./ชม. รอบที่ 1 ใช้เวลา 7.07 วินาที รอบที่ 2 ใช้เวลา 6.78 วินาที รอบที่ 3 ใช้เวลา 7.05 วินาที และ 0-120 กม./ชม. ใช้เวลา 9.20 วินาที ความดีของรถไฟฟ้าคือเราจะไม่ต้องรอรอบสามารถเร่งได้อย่างต่อเนื่องทันใจ

การทดสอบการเข้าโค้ง และการทรงตัวเกาะถนนทำได้ดี การสั่นสะเทือนของช่วงล่างทำได้นุ่มนวลมาก การใช้เบรกกระทันหัน ABS ทำงานได้ทันทีและหยุดรถได้สนิท

เรื่องดีไซน์ภายใน และระบบต่าง ๆ ของ Toyota bZ4X การกดดูกล้องรอบคันสามารถกดปุ่มที่ใต้จอ แต่จะไม่สามารถเลือกมุมที่ต้องการดูได้เมื่อเราอยู่ในเกียร์ P เมื่อเราเข้าเกียร์ D เราจะเห็นกล้องด้านหน้า และเมื่อเข้าเกียร์ R กล้องจะจับที่ด้านหลังของรถ ซึ่งถ้าจะเทียบเรื่องคุณภาพกล้องของ Toyota รุ่นอื่น ๆ บอกเลยว่าของรุ่นนี้ดีกว่ามากครับ

หน้าจอจะไม่ได้มีกราฟฟิกหรือการปรับแต่งมากมาย สามารถเชื่อมต่อ AppleCar Play และ Android Auto ได้

ส่วนหน้าจอคนขับแสดงรายละเอียดการขับขี่โดยรวมถือว่าดีสะดวกต่อการใช้งาน แต่ขอบของพวงมาลัยอาจจะบังหน้าจอนิดหน่อย ขึ้นอยู่กับการปรับพวงมาลัยของเรา

อีกอย่างที่อยากพูดถึงคือวัสดุตกแต่งภายในเช่น คอนโซลหน้าจะใช้วัสดุรีไซเคิล มีความนุ่มมือแต่อาจจะอมฝุ่นและสกปรกง่าย ด้านใต้คอนโซลกลางจะมีที่เก็บของเพิ่มเติมให้พร้อมช่อง USB

สิ่งที่น่าเสียดายของรถคันนี้คือการเป็นรถไฟฟ้าราคา 1,836,000 บาท แต่เบาะผู้โดยสารด้านหน้าไม่ได้ติดตั้งระบบไฟฟ้ามาให้ ส่วนด้านคนขับจะเป็นแบบไฟฟ้า และมี Memory Seat ให้ 2 ตำแหน่ง

เบาะด้านหลังจะต่ำกว่าเบาะแถวหน้านิดหน่อย ความรู้สึกจะคล้าย ๆ กับของ Haval H6 หรือ Jolion ความกว้างของ Leg Room ถือว่ากว้างพอสมควร สามารถดึงที่เท้าแขนลงมาได้จะมีช่องวางของ และช่องวางแก้วน้ำมาให้ ตำแหน่งเอนหลังถือว่านั่งสบาย แต่ตัวเบาะจะเป็นสีขาวออกครีม และสีดำ สีขาวอาจจะต้องใช้ความระมัดระวังในการใช้งานครับ

ด้านท้ายมีระบบ Hand Free Tailgate สามารถเปิดท้ายได้โดยไม่ต้องใช้มือ ซึ่งด้านท้ายของคันนี้มีรูปแบบที่แหวกแนวกว่ารถ Toyota รุ่นอื่น ๆ ด้านท้ายมีทรงเหมือนรถ Coupe แผ่นรองด้านล่างสามารถถอดออกได้ รวมทั้งมีม่านกั้นช่วงท้ายให้ เบาะหลังสามารถพับจากตอนท้ายได้โดยการดึงสลักที่มุมเบาะเพื่อเพิ่มพื้นที่ใช้สอย

ไฟท้ายเป็นแบบ Full LED และด้านหน้าก็เป็น LED เช่นกัน ดีไซน์ของตัวรถบอกได้เลยว่าดีครับ องศาการเปิดประตูด้านหน้าถือว่ากว้างขึ้นลงได้สบาย ๆ ด้านหลังก็เช่นกัน ความสูงของตัวรถจากพื้นก็ไม่ได้สูงจนเกินไป ก้าวขึ้นลงง่าย

ล้อของรถคันนี้ถือว่าเป็นล้อที่ขนาดใหญ่พอสมควรโดยมีขนาด 20 นิ้ว ยางที่ดิดมาของเป็นของ Dunlop 235/50 R20 และมีคาลิปเปอร์สีฟ้าทั้งด้านหน้า ด้านหลัง และเป็นดีสก์เบรกทั้งคู่

โดยรวมสำหรับรถคันนี้ถ้าจะถามว่าคุ้มหรือไม่ ถ้าเรามีงบประมาณก็ถือว่าเป็นรถที่น่าสนใจมาก ในราคา 1,836,000 บาทอาจจะดูสูงไป แต่ถ้าเรามองอีกด้านหนึ่งว่าในอนาคตกระแสรถไฟฟ้าที่กำลังมา และเราเชื่อใจกับ Toyota อยู่แล้ว เพราะบางท่านอาจจะเห็นว่ามีรถไฟฟ้าเข้ามาจำหน่ายหลายแบรนด์แล้วแต่ไม่ได้มาจากญี่ปุ่น ซึ่ง Toyota bZ4X คันนี้มาจากญี่ปุ่น และจากที่ผมได้ทดลองสมรรถนะแล้วถึงจะเป็นการลองแบบคร่าว ๆ ก็ถือว่าดีมาก ๆ ครับ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของสมรรถนะการขับขี่
เรื่องโครงสร้างตัวรถ วัสดุตกแต่ง และการเกาะถนนที่เป็นเรื่องสำคัญมาก ๆ ซึ่งถ้าจะให้เปรียบเทียบพวก MG หรือ GMW ผมจะรู้สึกว่าแรงกว่า แต่ช่วงล่างและการเกาะถนนจะสู้ Toyota bZ4X คันนี้ไม่ได้ ส่วนเรื่อง Option และระบบความปลอดภัยของคันนี้ก็มีให้อยู่พอควร การใช้งานก็สะดวก ส่วนเรื่องการรับประกันก็ตามมาตราฐานทั่ว ๆ ไปอยู่แล้ว แต่ก็อย่างที่ผมบอกว่าถ้าคุณจองตอนนี้คุณก็จะได้รับรถในปีหน้าเลยนะครับ เพราะตามโควต้า 40 คันตอนนี้ถูกจองเต็มหมดแล้ว ซึ่งจากที่ผมทราบมาว่าล็อตต่อไปจะมีมาประมาณ 100 คันก็รอติดตามดูกันต่อไปครับ

*สามารถชมคลิปรีวิวฉบับเต็มได้ที่ Link ด้านล่างนี้เลยครับ