Search
Close this search box.

BMW X5 xDrive50e M Sport (2024) รถครอบครัวที่ลงตัวในราคา 5 ล้านกว่าๆ

BMW X5 จัดว่าเป็นรถครอบครัวที่ลงตัวมากที่สุดในกลุ่มของ BMW ภายในกว้างขวาง โปร่ง โล่ง ที่เป็นไฮไลท์คือหน้าจอ ดิสเพลย์ยาวไปถึงหน้าจอคนขับ ลักษณะโค้งรับเป็นหน้าจอเดียวกัน ดูหรูหราไม่เบา

BMW X5 มีให้เลือกอยู่ 2 รุ่นย่อย คือ xDrive30d M Sport เป็นเครื่องยนต์ดีเซล และ xDrive50e M Sport ปลั๊กอินไฮบริด จุดที่แตกต่างของ 2 รุ่นนี้ก็คือประสิทธิภาพในการขับขี่ และการประหยัดน้ำมัน

ถ้าอยากจะได้ยินเสียงเครื่องยนต์แบบดุดัน ขับสนุก ก็ต้องเครื่องยนต์ดีเซล แต่ถ้าเน้นเรื่องของพละกำลัง ความแรง การประหยัดน้ำมัน BMW X5 xDrive50e M Sport คันนี้จะตอบโจทย์มากกว่า

การออกแบบภายนอกมีการปรับเปลี่ยนให้ดูโฉบเฉี่ยวรอบคัน มีเสน่ห์และดูสปอร์ตมากขึ้น โดยเฉพาะกระจังหน้า ภายในจุดที่เป็นไฮไลท์คือหน้าจอ ดิสเพลย์เวอร์ชั่นใหม่ ที่มีทรงยาวไปถึงหน้าจอคนขับ โค้งรับเป็นหน้าจอเดียวกัน ดูสวย หรูหราอย่างที่บอกแต่แรก

คอนโซลหน้าเป็นลายเคฟล่า และพวงมาลัย เข็มขัด เบาะ ให้ความรู้สึกกลืนในอารมณ์ทีเดียว จุดที่ชอบมากที่สุดคือบนคอนโซนหน้าโดยเฉพาะกลางคืนจะสวยมากๆ สีสันสวยคมชัด มุมมองกราฟฟิกต่างๆ ชัดแจ๋วตัวใหญ่สบายตา

การใช้งานออฟชั่นต่างๆมีเยอะมากเลือกได้ทั้งควบคุมด้วยการทัชสกรีน หรือจะควบคุมผ่านปุ่มที่แผงด้านข้างคนขับก็ได้เหมือนกัน

แผงควบคุมสามารถใช้งานได้หลากหลาย เช่น ช็อตคัทต่างๆ ควบคุมเกียร์ พุชสตาร์ต โหมดการขับขี่ต่างๆเบรคมือไฟฟ้า เซ็ตอัพช่วงล่างให้ตัวรถยกขึ้นสูง หรือต่ำลง สำหรับลุยออฟโรด หรือโหลดลงมาก็ทำได้หลายระดับ นอกจากนี้ยังมีเฮดอัพดิสเพลย์ พวงมาลัยปรับไฟฟ้า ด้านความปลอดภัย และระบบไฟต่างๆ มีมาให้ครบหมดห่วงได้เลยครับ

สำหรับช่วงล่างถือว่าก็โอเคครับช่วงจังหวะเข้าโค้งลองขับความเร็วประมาณ 90 - 100 กิโลเมตร / ชั่วโมง รู้สึกว่าขับง่าย เอาอยู่สบายๆ สำหรับรถสไตล์ PPV

การเก็บเสียงภายในห้องโดยสารโดยรวมถือว่าใช้ได้มีแค่อย่างเดียวคือเสียงเครื่องยนต์เวลาเร่งจะได้ยินอยู่บ้างแต่ไม่ได้รู้สึกว่ามันติดขัดหรือรำคาญ

มุมมองหรือทัศนวิสัยในการขับขี่ไม่ว่าจะเป็นด้านหน้า ด้านข้าง หรือมองกระจกหลัง รู้สึกว่ากว้าง เห็นได้ชัดเจน และมีจุดที่น่าสนใจคือเรื่องระบบความปลอดภัย เป็นหนึ่งในไฮไลท์ อย่างกล้อง 360 องศา Blind Spot ระบบเตือนออกนอกเลน ซึ่งจากที่ได้ทดลองมา ถ้าไม่เปิดไฟเลี้ยว แล้วออกนอกเลน พวงมาลัยจะดึงกลับในเลน ถ้าทำงานร่วมกันทั้ง Blind Spot และระบบเตือนออกนอกเลนแล้ว ฟิลลิ่งจะรู้สึกว่าดึงรถกลับมาอยู่ในเลนนั้นหน่วงๆใช้ได้เลยครับ

กระจังหน้านอกจากจะเป็นดีไซน์ใหม่แล้ว ยังมีเอกลักษณ์ของ BMW คงอยู่คือถ้ารถดับเครื่องจะมีแผงปิดกระจังหน้า แต่เมื่อสตาร์ทรถแผงดังกล่าวจะเปิดออกเพื่อเป็นการช่วยระบายความร้อน

ส่วนกระจกด้านข้างมีกล่องด้านข้างให้ นั่นหมายความว่าคันนี้มีกล้อง 360 องศา อย่างแน่นอน ที่เสียบปลั๊กอินไฮบริดจะอยู่ตรงฝั่งผู้โดยสารด้านหน้า

การเปิดท้ายรถคันนี้เปิดด้วยระบบไฟฟ้า มีวิธีเปิดหลากหลายรูปแบบ อย่างการกดปุ่มที่ด้านท้าย หรือกดจากรีโมทก็ทำได้ หรือใช้เท้าเปิดผ่านเซ็นเซอร์ด้านล่างก็ได้ อีกทั้งยังมีปุ่มอำนวยความสะดวกในการเปิดท้ายให้อีกระดับหนึ่ง นอกจากนี้ยังสามารถปิดได้ด้วยรีโมทอีกด้วยครับ

ส่วนยางใช้ของ Continental ยางด้านหน้าและหลังขนาดจะต่างกัน ด้านหน้าขนาด 275/40 R21 ด้านหลังขนาด 315/35 R21 ส่วนล้อดีไซน์ M Sport มีคาลิเปอร์เบรกให้ด้วย

BMW X5 xDrive50e M Sport มีขนาดตัวรถค่อนข้างใหญ่หน่อย ถ้าขับในเมือง ที่แคบๆหน่อยอาจจะมีลุ้น แต่ข้อดีของรถใหญ่อย่างนี้จะได้พื้นที่กว้างมากๆ พื้นที่เก็บของด้านท้ายเหลือเฟือ ใส่กระเป๋าเดินทางใบใหญ่ๆ 2 -3 ใบได้สบายๆ และยังพับเบาะแถวสองได้ด้วย สามารถใส่ของยาวๆ อย่างทีวีขนาดใหญ่ๆ เลยครับ

และยังมีที่เก็บของใต้เบาะด้านท้าย สามารถเปิดได้แบบสปริง และแน่นอนว่ามีสายชาร์จปลั๊กอินไฮบริดติดรถมาให้ด้วยครับ

พื้นที่ห้องโดยสารแถวหลังกว้างขวาง นั่งสบายๆหายห่วงครับ พื้นที่ช่วงขาและเฮดรูมเหลือเฟือ เบาะนั่งนั่งสบาย ฟีลเดียวกับด้านหน้า ไม่รู้สึกชัน เบาะพิงหลังเข้ากับสรีระ ตอบโจทย์ได้เลย

เบาะตรงกลางปรับเป็นที่วางแขนได้ มีฟังก์ชั่นสำหรับวางแก้ว ช่องเก็บของ อำนวยความสะดวกใช้ได้เลย และที่แน่นอนจะมีแอร์ด้านหลังเป็นแบบดูโอโซน พร้อมด้วยช่อง USB Type C 2 ช่อง นอกจากนั้น ลำโพงเป็นของ Bowers & Wilkins และด้านหลังทั้งสองฝั่งจะมีม่านบังแดดให้ด้วยครับ

ฟิลลิ่งการขับขี่ BMW X5 xDrive50e M Sport ได้ลองขับแบบในซอยแคบ ด้วยขนาดรถที่กว้างใหญ่ แล้วเมื่อมีรถคันอื่นจอดอยู่ข้างทาง ถ้าเป็นรถที่ไม่ได้ใหญ่ขนาดนี้ ก็ผ่านได้ แต่สำหรับคันนี้ต้องชะลอ หลบบ้าง เพื่อดูจังหวะและความปลอดภัย เมื่อขับถนนโล่งๆก็ขับกันได้แบบสบายๆ และเมื่อเปรียบเทียบระหว่าง BMW X5 กับรุ่นอื่นๆ อย่าง XM, X6, X7 นั้น BMW X5 จะมีขนาดเล็กสุด แต่ยังคงได้พื้นที่ภายในกว้างขวาง น่าจะตอบโจทย์ได้มากที่สุด

การขับขี่ในเมืองที่ไม่ได้ความเร็วสูงมากนักถือว่าโอเค เลี้ยงคันเร่งความเร็วคงที่ขับได้สบาย แต่หากต้องการความเร็วเพียงแตะคันเร่งคิกดาวน์ รถก็พุ่งได้แบบหลังติดเบาะทีเดียว ยิ่งขับบนถนนโล่งๆ กดคันเร่งปุ๊บก็จะได้ยินเสียงเครื่องยนต์คำรามชัดแจ๋ว

ระบบการควบคุมต่างๆโดยเฉพาะพวงมาลัยให้ความรู้สึกหนักแน่น มั่นใจ รวมทั้งระบบเบรกทุกอย่างสำหรับผมนะถือว่าโอเคดีหมด แม้จะเป็นรถครอบครัวที่ใหญ่แต่ผมไม่รู้สึกว่ามันหนัก เทอะทะ ในทางตรงข้ามเราขับได้พริ้วๆคล่องตัวอีกต่างหาก

ระบบช่วงล่างที่ให้มาโอเคมาก แถมสามารถเซ็ตช่วงล่างให้ยึดเกาะถนนมากกว่านี้ได้อีกด้วย ขณะเดียวกันถ้าจะไปขับออฟโรดก็เซ็ตให้รถยกสูงขึ้นได้อีกเหมือนกัน ซึ่งค่าของช่วงล่างต่างๆจะปรับตามโหมดการขับขี่ด้วย

การเก็บเสียงถือว่าโอเคมากๆ เว้นแต่เสียงเครื่องยนต์ถ้าเราปรับไปเป็นโหมด SPORT ก็จะได้เสียงเครื่องยนต์แบบสปอร์ตๆ แต่สำหรับผมส่วนตัวคิดว่ามันเป็นเสน่ห์ของรถคันนี้

เราลองเหยียบขับกดคันเร่งแป็บเดียวตัวเลข 120 กิโลเมตร / ชั่วโมง ก็พุงทะยานปรู๊ดปร๊าดขึ้นมาเร็วและแรงมากจริงๆ ขับสนุกใช้ได้ครับ

แต่ต้องระวังอย่างนึงครับถ้าคันนี้ไม่มีพลังงานในแบตเตอรี่ หรือเหลือ 0% เจ้ายักษ์ลำนี้จะซดน้ำมันเอาเรื่องเลยทีเดียวเชียวครับ เพราะฉะนั้นถ้าจะขับให้สนุก มีประสทิธิภาพก็ควรจะต้องมีแบตเตอรี่อยู่พอควรครับ

ที่น่าสนใจอีกอย่างคือโหมดการขับขี่ X5 มีโหมดขับขี่แบบ Hybrid, Hybird ECO Pro เมื่อเลือกโหมดแบบประหยัดมาก รถจะมีอาการดึงนิดหน่อยเมื่อผ่อนคันเร่ง เพื่อระบบที่จะชาร์จไฟกลับ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นขึ้นอยู่กับการขับขี่ของแต่ละคนด้วยเหมือนกัน และอีกโหมดคือโหมดไฟฟ้าล้วนๆที่จะช่วยประหยัดให้ได้มากทีเดียว

สรุป BMW X5 xDrive50e M Sport โดยส่วนตัวแล้วผมชอบมากครับ จากที่ได้ทดลองใช้งานจริงรุ่นนี้ และได้เคยลองโมเดลก่อนหน้านี้มาแล้วด้วยบอกความรู้สึกกันตรงๆว่าประทับใจทั้ง 2 รุ่นเลยครับทั้งสมรรถนะการขับขี่ ความกว้างขวาง สะดวกสบาย ตามสไตล์ของ SUV ที่เป็นรถครอบครัว

BMW X5 x Drive50e M Sport ราคา 5,399,000 บาท ส่วน BMW X5 xDrive30d M Sport ราคา 5,099,000 บาท สองรุ่นนี้ราคาจะต่างกันอยู่ที่ 300,000 บาท

สาวกรถยุโรปที่มีครอบครัวควรลองไปทดลองขับสัมผัสดูนะครับ !