Search
Close this search box.

“โอโมดาแอนด์เจคู” เปิดฉาก ในประเทศไทย เตรียมนำรถ 4 รุ่น ทำตลาดในไทยพร้อมกลางปีนี้

โอโมดาแอนด์เจคู (ประเทศไทย) โชว์ศักยภาพบริการหลังการขายครบวงจรด้วยเครือข่ายผู้แทนจำหน่ายมากกว่า35 แห่งพร้อมให้บริการทั่วประเทศกางแผนปูพรมเตรียมลงทุนในไทยภายในปี2568

OMODA & JAECOO (Thailand) ภายใต้ Chery Automobile บริษัทด้านเทคโนโลยียานยนต์ชั้นนำระดับโลกสัญชาติจีนที่ส่งออกรถยนต์ไปกว่า 80 ประเทศทั่วโลกได้เปิดตัวแบรนด์อย่างเป็นทางการครั้งแรกในประเทศไทยพร้อมเผยทิศทางการดำเนินธุรกิจในประเทศไทยโดยในปีนี้โอโมดาแอนด์เจคู (ประเทศไทย) จะเปิดจำหน่ายรถยนต์รุ่นแรก OMODA C5 EV รถยนต์EV 100%ในช่วงไตรมาส 2 นี้ตามมาด้วย JAECOO 7รถยนต์พรีเมียมเอสยูวีออฟโรดประสิทธิภาพสูงขับขี่ได้ทุกท้องถนนจะเข้ามาจำหน่ายในไตรมาสที่3และรถยนต์JAECOO 6และJAECOO 8 ในไตรมาสที่4พร้อมโชว์รูมมากกว่า35แห่งครอบคลุมทุกภูมิภาคเตรียมส่งมอบบริการที่ตรงความต้องการและประสบการณ์ที่ดีที่สุดให้กับผู้ขับขี่ชาวไทยนอกจากนี้โอโมดาแอนด์เจคู (ประเทศไทย) ตั้งเป้าหมายก้าวขึ้นเป็น 1 ใน 3 แบรนด์รถยนต์ชั้นนำจากประเทศจีนในไทยและเผยความคืบหน้าแผนการลงทุนก่อสร้างโรงงานประกอบรถยนต์ในประเทศไทยที่จะเกิดขึ้นในปี2568 มุ่งยกระดับให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการผลิตรถพวงมาลัยขวาในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

นายเฉินชุนชิงรองประธานเชอรี่อินเตอร์เนชันแนลกล่าวว่าตลอดระยะเวลากว่า27ปีในฐานะผู้ผลิตและพัฒนาเทคโนโลยียานยนต์ระดับโลกของChery Automobileบริษัทฯได้ส่งออกรถยนต์ไปกว่า80ประเทศทั่วโลกมีความพร้อมด้านการผลิตโดยมีโรงงานในต่างประเทศมากกว่า10แห่งพร้อมด้วยผู้แทนจำหน่ายและศูนย์บริการในต่างประเทศมากกว่า1,500แห่งตลอดจนการมีศูนย์วิจัยและพัฒนาในต่างประเทศเพื่อเติมเต็มระบบนิเวศของผู้ขับขี่ให้รถยนต์เป็น “มากกว่ารถยนต์”ทั้งในประเทศจีนเยอรมนีสหรัฐอเมริกาและบราซิล ที่พร้อมจะพัฒนาสินค้าให้ตรงกับความต้องการของลูกค้าในทุกภูมิภาคจากจุดแข็งและความพร้อมในครั้งนี้บริษัทฯจึงได้เตรียมความพร้อมและพัฒนาทีมในการดำเนินธุรกิจในประเทศไทยในชื่อ “โอโมดาแอนด์เจคู (ประเทศไทย) หรือOMODA & JAECOO (Thailand)”ที่พร้อมให้บริการแล้วในปี2567นี้ “สำหรับประเทศไทยถือเป็นตลาดยานยนต์ที่ใหญ่ที่สุดในอาเซียนและเป็นศูนย์กลางการผลิตในอุตสาหกรรมยานยนต์ในภูมิภาคเรามองเห็นแนวโน้มการพัฒนาอุตสาหกรรมและการสนับสนุนรถยนต์พลังงานใหม่ของรัฐบาลไทยซึ่งสอดคล้องกับแนวคิดการพัฒนาอย่างยั่งยืนของโอโมดาแอนด์เจคู (ประเทศไทย) โดยเรามุ่งมั่นที่จะพัฒนาแบรนด์ให้เข้ากับผู้ขับขี่ชาวไทยและสอดคล้องกับห่วงโซ่อุตสาหกรรมยานยนต์ไทยต่อไปในอนาคต”

นายฉีเจี๋ยประธานบริษัทโอโมดาแอนด์เจคู (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่าโอโมดาแอนด์เจคู (ประเทศไทย) ถือเป็นการเริ่มต้นที่ยิ่งใหญ่ครั้งประวัติศาสตร์ของบริษัทฯด้วยความมุ่งมั่นที่จะเสริมสร้างธุรกิจที่แข็งแกร่งในประเทศไทยและความตั้งใจในการขับเคลื่อนการเติบโตที่ยั่งยืนให้เกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรม2568
การดำเนินธุรกิจของโอโมดาแอนด์เจคู (ประเทศไทย) ได้กำหนดเป้าหมายและแผนการดำเนินการในระยะ ต่างๆเพื่อจะส่งมอบประสบการณ์ที่ดีที่สุดให้กับผู้ขับขี่ชาวไทยและเป็นอีกหนึ่งทางเลือกของอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยเตรียมพร้อมเปิดจำหน่ายรถยนต์รุ่นแรก OMODA C5 EV ในช่วงกลางปี2567นี้ตามมาด้วยJAECOO7 ที่วางแผนจะเข้ามาจำหน่ายในไตรมาสที่ 3 และในไตรมาสที่4จะนำรถยนต์JAECOO6และJAECOO8เข้ามาจำหน่ายในประเทศไทยอย่างเป็นทางการนอกจากนี้บริษัทฯได้วางแผนการลงทุนก่อสร้างโรงงานประกอบรถยนต์ในประเทศไทยซึ่งจะได้เห็นความคืบหน้าในปี 2568
นายฉีกล่าวเสริมว่าสำหรับตลาดรถยนต์ไฟฟ้าของประเทศไทยมีการเติบโตอย่างรวดเร็วจากข้อมูลจากสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยปริมาณการขายรถยนต์นั่งส่วนบุคคลในประเทศไทยอยู่ที่ประมาณ407,000คันในปี2566โดยรถยนต์พลังงานไฟฟ้า100% มียอดจำหน่ายกว่า73,000คันซึ่งเพิ่มขึ้น603.66% จากปีก่อนส่งผลให้ประเทศไทยเป็นตลาดรถยนต์พลังงานแห่งใหม่ที่มีศักยภาพในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ซึ่งถือเป็นโอกาสที่ดีสำหรับโอโมดาแอนด์เจคู (ประเทศไทย) ในการเข้ามาทำตลาดในประเทศไทยและการลงทุนโรงงานที่จะยกระดับให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการผลิตรถพวงมาลัยขวาในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ตามการศึกษาความเป็นไปได้ (Feasibility Study) พร้อมกับตั้งเป้าหมายจะก้าวขึ้นเป็น1ใน3แบรนด์รถยนต์ชั้นนำจากประเทศจีนในไทยเพื่อตอกย้ำศักยภาพและความพร้อมของแบรนด์ในการเข้ามาทำการตลาดอย่างยั่งยืนในประเทศไทยและบรรลุเป้าหมายการพัฒนาในระดับโลกถือเป็นการเริ่มต้นที่ยิ่งใหญ่ครั้งประวัติศาสตร์ของบริษัทฯด้วยความมุ่งมั่นที่จะเสริมสร้างธุรกิจที่แข็งแกร่งในประเทศไทยและความตั้งใจในการขับเคลื่อนการเติบโตที่ยั่งยืนให้เกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรม

นายพิชญุตม์วงศ์พัฒนาสินรองประธานฝ่ายขายและการตลาดบริษัทโอโมดาแอนด์เจคู (ประเทศไทย) จำกัดเปิดเผยว่าในปี2566 โอโมดาแอนด์เจคูได้รับความนิยมจากผู้คนเกือบ20ประเทศ ทั่วโลกด้วยกลยุทธ์การวางตำแหน่งทางการตลาดและนวัตกรรมที่ล้ำสมัยซึ่งในเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมารถยนต์OMODA มียอดขายส่งออก11,432คันติดอันดับ5อันดับแรกของการส่งออกยานยนต์ของจีนภายในปี2567นี้โอโมดาแอนด์เจคู (ประเทศไทย) จะนำรถยนต์เข้ามาจำหน่ายทั้งสิ้น4รุ่นโดยจะเปิดจำหน่ายรถยนต์รุ่นแรกOMODA C5 EV ในช่วงไตรมาสที่ 2 ที่จะถึงนี้โดยรถยนต์OMODA C5 EV เป็นยนตรกรรม EV 100% ที่ผสมผสานการออกแบบแห่งอนาคตเข้ากับเทคโนโลยีสุดอัจฉริยะทั้งฟังก์ชันความปลอดภัยและความสะดวกสบายแบบจัดเต็มที่มาพร้อมคอนเซ็ปต์ “O-UNIVERSE” เชื่อมต่อผู้ขับขี่เข้าด้วยกัน ผ่านประสบการณ์ที่เป็น “มากกว่ารถยนต์”ตอบโจทย์ “LOHAS LIFESTYLE” ไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ใส่ใจการมีชีวิตที่ดีควบคู่กับสิ่งแวดล้อมที่ยั่งยืน
ในไตรมาสที่ 3 ของปีนี้จะนำรถยนต์ JAECOO 7 PHEV เข้ามาจำหน่ายซึ่งเป็นรถยนต์พรีเมียมเอสยูวีออฟโรดประสิทธิภาพสูงที่ได้รับการออกแบบมาเพื่อตอบสนองการใช้งานที่หลากหลายสามารถขับขี่ได้ทุกภูมิประเทศและสภาพพื้นผิวถนนสำหรับผู้ใช้งานในประเทศไทยภายใต้แนวคิด “From Classic, Beyond Classic” ของแบรนด์JAECOO และในไตรมาสที่ 4 ของปีนี้จะนำรถยนต์JAECOO 6และJAECOO 8เข้ามาจำหน่ายในประเทศไทยอย่างเป็นทางการตามลำดับเพื่อตอบสนองความคาดหวังของผู้ขับขี่ชาวไทยอย่างไรก็ตาม โอโมดาแอนด์เจคู (ประเทศไทย) จะมุ่งหาแนวทางพัฒนาพลังงานใหม่ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมสำหรับคนไทย

“เพื่อเป็นการเสริมความแข็งแกร่งให้กับตลาดในประเทศไทยโอโมดาแอนด์เจคู (ประเทศไทย) จะเปิดโชว์รูมมากกว่า35 แห่งครอบคลุมทุกภูมิภาคทั้งในกรุงเทพและต่างจังหวัดซึ่งล่าสุดต้นเดือนมีนาคมที่ผ่านมาได้มีการประชุมลงนามบันทึกความเข้าใจ (MOU) กับผู้แทนจำหน่ายระดับประเทศครั้งแรกสะท้อนถึงความพร้อมและความก้าวหน้าในการก่อสร้างโชว์รูมของเครือข่ายผู้แทนจำหน่ายทั่วประเทศไทยโอโมดาแอนด์เจคู (ประเทศไทย) ให้ความเชื่อมั่นในความพร้อมสนับสนุนและช่วยเหลือผู้ขับขี่ในประเทศไทยอย่างเต็มที่เพื่อส่งมอบบริการที่ตรงกับความต้องการของผู้ใช้งานและเพิ่มความสะดวกสบายให้กับลูกค้าทุกคน”นายพิชญุตม์กล่าว