Search
Close this search box.

New 911 Carrera GTS และ 911 Carrera เครื่องยนต์ ที-ไฮบริด (T-Hybrid)

• 911 คาร์เรร่าจีทีเอส (911 Carrera GTS): นวัตกรรมที-ไฮบริด (T-Hybrid) น้ำหนักเบา มาพร้อมเครื่องยนต์ 6 สูบแนวนอน 3.6 ลิตร ใหม่เอี่ยม พร้อมเทอร์โบชาร์จเจอร์ไฟฟ้า และมอเตอร์ไฟฟ้า
• ดีไซน์อันโดดเด่น ด้วย แอคทีฟ แอโรไดนามิกส์ (active aerodynamics)
• ห้องผู้โดยสารแบบดิจิทัลเต็มรูปแบบ พร้อมระบบเชื่อมต่อที่ครอบคลุมยิ่งขึ้น
• 911 คาร์เรร่า (911 Carrera) มาพร้อมเครื่องยนต์ 6 สูบแนวนอน 3.0 ลิตร ที่ได้รับการปรับปรุงใหม่
• ปอร์เช่ส่งท้ายการเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่ของปี 2024 ด้วยรุ่น 911 อันเป็นเอกลักษณ์

911 คาร์เรร่า จีทีเอส ใหม่ (911 Carrera GTS) ซึ่งเป็นรถ 911 รุ่นแรกที่มาพร้อมกับระบบไฮบริดสมรรถนะสูงน้ำหนักเบา ถูกออกแบบมาสำหรับใช้งานบนถนนทั่วไป พร้อมระบบส่งกำลังที่พัฒนาขึ้นใหม่ที่มีขุมพลัง 3.6 ลิตร เร่งความเร็วจาก 0 ถึง 100 กม./ชม.ในเวลา.0 วินาที และทำความเร็วสูงสุดได้ถึง 312 กม./ชม.และ 911 คาร์เรร่า (911 Carrera) ใหม่ ที่จะวางจำหน่ายในช่วงเวลาเดียวกันโดยมาพร้อมกับเครื่องยนต์ 6 สูบแนวนอน เทอร์โบคู่ 3.0 ลิตร มาพร้อมกับการออกแบบที่ปรับโฉมใหม่ ระบบอากาศพลศาสตร์ที่ดีขึ้น การปรับเปลี่ยนห้องโดยสารภายใน อุปกรณ์มาตรฐานที่ได้รับการอัพเกรดมากขึ้น

ปอร์เช่ (Porsche) ได้ทำการเปิดตัวรถยนต์รุ่นที่มีความโดดเด่นถึง 4 รุ่นจากทั้งหมด 6 รุ่น พานาเมร่า (Panamera) ไทคานน์ (Taycan) มาคันน์ (Macan) และ 911โอลิเวอร์บลูเม (Oliver Blume)

ระบบ T-Hybrid ที่มีน้ำหนักเบาและทรงพลัง มาพร้อมกับเทอร์โบชาร์จเจอร์ไฟฟ้าที่ได้รับการพัฒนา มีมอเตอร์ไฟฟ้าในตัวซึ่งอยู่ระหว่าง Compressor และTurbine Wheelของระบบเทอร์โบชาร์จเจอร์ซึ่งช่วยเร่งความเร็วรอบของเทอร์โบชาร์จเจอร์ได้ทันที ส่งผลให้ระบบเทอร์โบชาร์จเจอร์ตอบสนองได้อย่างรวดเร็วมากขึ้น นอกจากนี้ มอเตอร์ไฟฟ้าในเทอร์โบชาร์จเจอร์ยังทำหน้าที่เป็นเครื่องกำเนิดพลังงานไฟฟ้า ที่ผลิตพลังงานไฟฟ้าได้สูงสุดถึง11 กิโลวัตต์ (15 แรงม้า) พลังงานนี้มาจากการดึงเอาไอเสียจากการเผาไหม้ในส่วนของระบบการทำงานของเทอร์โบชาร์จเจอร์ไฟฟ้าของรุ่นปัจจุบัน ที่มีเพียง 1 ลูก มีศักยภาพทดแทนการทำงานของเทอร์โบชาร์จเจอร์ถึง 2 ลูกของรุ่นก่อนหน้านี้ส่งผลให้การส่งกำลังมีความคล่องตัวและตอบสนองได้ดีขึ้น

ชุดระบบส่งกำลังยังรวมไปถึงมอเตอร์ซิงโครนัสแม่เหล็กถาวรที่ติดตั้งในเกียร์คลัตช์คู่ (PDK) 8 สปีดใหม่ที่ทรงพลังยิ่งขึ้นแม้จะอยู่ที่ความเร็วรอบที่ต่ำมอเตอร์นี้ยังช่วยเสริมกำลังและแรงบิดให้กับเครื่องยนต์บ็อกเซอร์สูงสุด 150 นิวตันเมตร และสามารถเพิ่มกำลังได้สูงสุด 40 กิโลวัตต์ โดยปอร์เช่ (Porsche)เชื่อมต่อมอเตอร์ไฟฟ้าทั้ง2 ตัวมาต่อเข้ากับแบตเตอรี่ไฟฟ้าแรงสูง ที่มีขนาดกะทัดรัดและน้ำหนักเบาซึ่งมีขนาดและน้ำหนักใกล้เคียงกับแบตเตอรี่สตาร์ทเตอร์ขนาด 12 โวลต์ทั่วไปแต่สามารถเก็บพลังงานได้สูงสุด 1.9 กิโลวัตต์ชั่วโมงและทำงานที่แรงดันไฟฟ้า 400 โวลต์นอกจากนี้ยังได้มีการติดตั้งแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนน้ำหนักเบาสำหรับระบบไฟฟ้า 12 โวลต์ภายในรถอีกด้วย

หัวใจสำคัญของระบบขับเคลื่อน T-Hybrid คือ เครื่องยนต์บ็อกเซอร์ 3.6 ลิตร ที่พัฒนาขึ้นใหม่ระบบไฟฟ้าแรงสูงนี้ช่วยให้คอมเพรสเซอร์เครื่องปรับอากาศทำงานด้วยตัวเองโดยใช้ระบบไฟฟ้า ส่งผลให้ไม่จำเป็นต้องใช้ระบบสายพานทำให้เครื่องยนต์มีขนาดกะทัดรัดการปรับเปลี่ยนนี้ทำให้เหลือพื้นที่สำหรับชุดPulseInverter และ อุปกรณ์ที่ใช้แปลงแรงดันไฟฟ้าในรูปแบบกระแสตรง(DC-DC converter) นอกจากนี้เครื่องยนต์ยังถูกออกแบบให้มีกระบอกสูบที่ขนาดใหญ่ขึ้นเป็น 97 มิลลิเมตร และช่วงชักที่เพิ่มขึ้นเป็น 81 มิลลิเมตร ส่งผลให้ปริมาตรกระบอกสูบเพิ่มขึ้น 0.6 ลิตรเมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้าเครื่องยนต์มีระบบควบคุมเพลาลูกเบี้ยว(VarioCam)ที่จะรักษาอัตราส่วนส่วนผสมที่เหมาะสมของเชื้อเพลิงและอากาศ

แม้ในช่วงที่ไม่ได้รับแรงช่วยเหลือจากระบบไฟฟ้า เครื่องยนต์บ็อกเซอร์ยังคงสามารถให้พละกำลังถึง357 กิโลวัตต์ (485 แรงม้า) และแรงบิด 570 นิวตันเมตรพละกำลังรวมของทั้ง 2 ระบบอยู่ที่398 กิโลวัตต์ (541 แรงม้า) และแรงบิด 610 นิวตันเมตร ซึ่งมีพละกำลังที่เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับรุ่นก่อนคือ 45 กิโลวัตต์ (61 แรงม้า) 911 คาร์เรราจีทีเอส (911 Carrera GTS) ใหม่นี้ทำความเร็วช่วงจาก 0- 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงได้สั้นกว่ารุ่นก่อนหน้าระบบไฮบริดสมรรถนะสูงนี้จะช่วยมอบการขับขี่ที่ทรงพลังคล่องตัวในขณะเดียวกันก็ช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ รถคันนี้มีน้ำหนักที่เพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับรถยนต์ไฮบริดแบบปลั๊กอิน ซึ่งเพิ่มขึ้นเพียง 50 กิโลกรัมเท่านั้นเมื่อเทียบกับรุ่นก่อน

สำหรับ 911 คาร์เรร่า(911 Carrera)ยังคงมาพร้อมกับเครื่องยนต์บ็อกเซอร์ 3.0 ลิตร เทอร์โบคู่ เครื่องยนต์นี้ได้รับการปรับปรุงใหม่ทั้งหมดเช่นกันโดยได้นำเอาอินเตอร์คูลเลอร์จากรุ่น Turbo มาใช้ ซึ่งตอนนี้ติดตั้งอยู่ใต้ฝากระโปรงหลังเหนือเครื่องยนต์พอดีเทอร์โบชาร์จเจอร์ใน 911 คาร์เรร่า(911 Carrera)รุ่นใหม่นี้ เคยถูกใช้ในรุ่น GTS ในโมเดลก่อนหน้า การปรับเปลี่ยนเหล่านี้ ทำให้ปอร์เช่ (Porsche)สามารถลดการปล่อยไอเสียและเพิ่มพละกำลังเป็น 290 กิโลวัตต์ (394 แรงม้า) พร้อมแรงบิดสูงสุด 450 นิวตันเมตรในส่วนของ 911 คาร์เรร่าคูเป้ (911 Carrera Coupe)รุ่นใหม่ใช้เวลาเพียง4.1 วินาที ในการเร่งจาก 0 ถึง 100 กม./ชม. (3.9 วินาที สำหรับรุ่นที่มีแพ็คเกจSport Chrono) และมีความเร็วสูงสุดที่ 294 กม./ชม.เมื่อเปรียบเทียบกับรุ่นก่อน ถือว่าเร็วขึ้น 0.1 วินาที และ มีความเร็วสูงสุดเพิ่มขึ้น 1 กม./ชม.

ระบบกันสะเทือนที่ปรับแต่งใหม่และระบบแอกทีฟแอโรไดนามิกส์
ระบบกันสะเทือนของ 911 คาร์เรร่าจีทีเอส (911 Carrera GTS) ได้รับการปรับปรุงใหม่ทั้งหมดเช่นกันเป็นครั้งแรกที่มาพร้อมกับระบบบังคับเลี้ยวล้อหลังที่ติดตั้งมาเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน ที่จะช่วยเพิ่มเสถียรภาพในขณะที่ใช้ความเร็วสูงและลดรัศมีวงเลี้ยว ปอร์เช่ได้รวมระบบควบคุมช่วงล่างPorsche Dynamic Chassis Control (PDCC) เข้ากับระบบไฟฟ้าแรงสูงของสมรรถนะไฮบริดซึ่งช่วยให้สามารถใช้ระบบควบคุมไฟฟ้า-ไฮดรอลิกได้(electro-hydraulic) ซึ่งทำให้ระบบมีความยืดหยุ่นและแม่นยำยิ่งขึ้น ในส่วนของระบบกันสะเทือนแบบสปอร์ตพร้อมระบบปรับความยืดหยุ่นของโช้คอัพ (PASM)และการลดความสูงห้องโดยสารลง10 มิลลิเมตรส่งผลให้การควบคุมGTS มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว

ล้อแม็กซ์มีให้เลือกทั้งหมด 7 แบบ ขนาด 19/20 นิ้ว หรือ 20/21 นิ้ว สำหรับ 911 รุ่นใหม่ เป็นครั้งแรกที่รุ่น 911 คาร์เรร่า (911 Carrera) มีล้อดีไซน์พิเศษที่เป็นก้านล้อคาร์บอนช่วยในการลดค่าสัมประสิทธิ์แรงเสียดทาน และเพิ่มประสิทธิภาพให้แก่รถคันนี้สำหรับ911 คาร์เรร่าจีทีเอส (911 Carrera GTS) จะมาพร้อมกับล้อแม็กซ์ขนาด 21 นิ้ว หน้ากว้าง 11.5 นิ้ว และยางหลังขนาด315/30 ZR 21 เป็นอุปกรณ์มาตรฐานส่วนยางหน้าขนาด245/35 ZR 20 บนล้อขนาด 8.5 นิ้ว กว้าง 20 นิ้วเพื่อให้รองรับกับสมรรถนะที่มีการปรับเปลี่ยนเพิ่มขึ้นอย่างมาก ซึ่งหน้ายางที่กว้างขึ้นของล้อหลัง จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการขับขี่และการยึดเกาะถนนให้กับ 911 Carrera GTS รุ่นใหม่

ภายนอก
ปอร์เช่ (Porsche) ปรับดีไซน์ภายนอกของ 911 ให้โฉบเฉี่ยวยิ่งขึ้นด้วยการปรับแต่งที่เน้นการเพิ่มประสิทธิภาพทางอากาศพลศาสตร์และสมรรถนะของรถสปอร์ต ทั้งการปรับเปลี่ยนกันชนหน้าใหม่ที่ออกแบบเฉพาะรุ่นนับเป็นครั้งแรกที่ปอร์เช่ (Porsche)ได้รวมฟังก์ชั่นระบบไฟหน้าทั้งหมดเข้ากับไฟหน้าเมทริกซ์LED มาเป็นอุปกรณ์มาตรฐานของปอร์เช่ 911 พร้อมด้วยกราฟิก 4 จุดอันเป็นเอกลักษณ์ การออกแบบนี้ช่วยให้สามารถตัดระบบไฟหน้ารถออกไป และเพิ่มพื้นที่สำหรับช่องระบายความร้อนขนาดใหญ่ที่ด้านหน้ารถแทนได้

สำหรับ911 คาร์เรร่าจีทีเอส (911 Carrera GTS) ด้านหน้ารถจะมีช่องระบายความร้อนแบบแอคทีฟที่จัดวางในแนวตั้ง 5 ช่อง ซึ่งมองเห็นได้จากภายนอกและมีช่องลมที่ซ่อนอยู่ในแต่ละด้านนับเป็นครั้งแรกใน ปอร์เช่ 911(Porsche 911) ที่มีการติดตั้งระบบดิฟฟิวเซอร์ด้านหน้าแบบปรับอากาศได้ที่ใต้ท้องรถ ซึ่งทำงานร่วมกับช่องระบายความร้อน ช่องระบายอากาศเหล่านี้จะควบคุมการไหลเวียนของอากาศตามต้องการเมื่อต้องการกำลังน้อย ช่องระบายอากาศที่ปิดจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพทางอากาศพลศาสตร์เมื่อต้องการกำลังเครื่องยนต์สูง ตัวอย่างเช่น ในสนามแข่ง ช่องระบายอากาศจะช่วยส่งลมจำนวนมากไปยังหม้อน้ำของรถส่วนเซ็นเซอร์สำหรับระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ จะถูกติดตั้งอยู่ใต้ป้ายทะเบียน

นอกจากนี้ ปอร์เช่ (Porsche)ยังนำเสนอออฟชั่นไฟหน้าแบบใหม่ พร้อมฟังก์ชั่น HD matrix LED ซึ่งมีหลอดไฟมากกว่า 32,000 จุดเมื่อใช้ไฟสูงสามารถส่องสว่างไปบนถนนได้ไกลกว่า 600 เมตร นอกจากนี้ยังมีฟังก์ชั่นเสริมสุดล้ำอย่าง ไฟโค้งตามการหักเลี้ยวที่ขึ้นอยู่กับโหมดการขับขี่, ไฟส่องสว่างช่องทางเดินรถ, ไฟส่องสว่างบริเวณถนนที่กำลังก่อสร้างและช่องทางคอขวดรวมถึงระบบไฟสูงที่แม่นยำและมีความละเอียดถึงระดับพิกเซล

ด้านท้ายของ 911 โดดเด่นด้วย แถบไฟท้ายดีไซน์ใหม่พร้อมส่วนโค้งและโลโก้ "PORSCHE" ซึ่งช่วยให้ด้านท้ายของรถดูลึกและกว้างขึ้น กระจังหลังดีไซน์ใหม่พร้อมครีบฝั่งละ5 แผ่น เชื่อมต่อกับกระจกหลังสปอยเลอร์แบบพับเก็บได้ป้ายทะเบียนอยู่ในตำแหน่งที่สูงขึ้นพร้อมกันชนหลังดีไซน์โฉบเฉี่ยวระบบท่อไอเสียเฉพาะรุ่นถูกจัดวางอย่างสวยงามผสานเข้ากับครีบดิฟฟิวเซอร์อันโดดเด่นรุ่น911 คาร์เรร่า (911 Carrera)จะมีระบบไอเสียแบบสปอร์ตเป็นอุปกรณ์เสริมส่วนรุ่น 911 Carrera GTS จะมีระบบท่อไอเสียGTS แบบสปอร์ตเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน

อุปกรณ์เสริมแอโรคิท เพื่อเสริมสมรรถนะของ 911 คูเป้จะประกอบไปด้วย กันชนหน้า SportDesign ที่โดดเด่นพร้อมสปอยเลอร์หน้าที่ไม่เหมือนใคร แผงข้างตัวรถที่เข้าชุดกัน และสปอยเลอร์หลังแบบติดตายน้ำหนักเบาชิ้นส่วนเหล่านี้ช่วยลดแรงยกและเพิ่มแรงยึดเกาะของรถสปอร์ตให้ดียิ่งขึ้น

ภายในห้องโดยสาร
สำหรับตัวถังคูเป้(coupé) ปอร์เช่ (Porsche) ได้ทำการออกแบบภายใน 911 ใหม่ ให้เป็นแบบ 2 ที่นั่งเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน แต่ยังสามารถเลือกที่นั่งแบบ 2+2 ได้โดยไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมภายในห้องโดยสารปอร์เช่ (Porsche) ผสมผสานDNA การออกแบบอันเป็นเอกลักษณ์ของ 911 เข้ากับเทคโนโลยีสมัยใหม่แนวคิด Porsche Driver Experience มุ่งเน้นไปที่ประสบการณ์ของคนขับ การทำงานที่รวดเร็วและใช้งานง่าย ปุ่มควบคุมที่สำคัญได้รับการจัดเรียงไว้โดยตรงบนหรือรอบๆ พวงมาลัย ซึ่งรวมถึงสวิตช์เลือกโหมดการขับขี่ และคันโยกควบคุมการช่วยเหลือผู้ขับขี่ที่ได้รับการปรับปรุงใหม่ และเป็นครั้งแรกใน 911 ที่มีปุ่มสตาร์ททางด้านขวาของพวงมาลัยภายในช่องเก็บของคอนโซลกลางของ 911 รุ่นใหม่ ยังมีฟังก์ชั่นการชาร์จแบบไร้สาย พร้อมช่องแอร์ระบายความร้อนสำหรับสมาร์ทโฟน

นับเป็นครั้งแรกที่911 มาพร้อมกับแผงหน้าปัดดิจิทัลเต็มรูปแบบหน้าจอโค้งขนาด 12.6 นิ้ว ถูกออกแบบมาได้อย่างลงตัว ทั้งยังสามารถปรับแต่งได้ โดยมีหน้าจอให้เลือกถึง7 แบบ รวมถึงหน้าจอ Classic แบบพิเศษที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากมาตรวัด 5 ช่องทรงกลมอันเป็นเอกลักษณ์ของปอร์เช่(Porsche)พร้อมมาตรวัดความเร็วตรงกลาง

ระบบ Porsche Communication Management (PCM) ยังคงทำงานผ่านจอแสดงผลส่วนกลางที่มีความละเอียดสูงด้วยขนาดหน้าจอ 10.9 นิ้วความสามารถในการปรับแต่งโหมดการขับขี่และการทำงานของระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ได้รับการปรับปรุงอย่างมากโดย 911 รุ่นที่ได้รับการปรับปรุงนี้จะมีฟีเจอร์การเชื่อมต่อใหม่ๆ อย่าง รหัส QR ช่วยให้การเข้าสู่ระบบ PCM ด้วยรหัส Porsche ID ง่ายขึ้นกว่าเดิม รวมถึงApple CarPlay® ผสานรวมเข้ากับรถยนต์ได้อย่างล้ำลึกยิ่งขึ้น เมื่อต้องการใช้งานระบบจะแสดงข้อมูลบนแผงหน้าปัดและเปิดใช้งานฟังก์ชันต่างๆของรถยนต์ได้โดยตรง เชื่อมต่อกับระบบของApple® เช่นผ่านทางระบบสั่งงานด้วยเสียงของSiri® และเป็นครั้งแรกที่สามารถเลือกรับชมวิดีโอสตรีมมิ่งขณะจอดรถได้ยิ่งกว่านั้น ยังสามารถใช้แอปพลิเคชัน เช่นSpotify® และApple Music® บนจอPCM ได้โดยไม่ต้องเชื่อมต่อสมาร์ทโฟน

ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (CEO) กล่าวว่า “กลุ่มผลิตภัณฑ์รถยนต์ของเรามีความทันสมัยกว่าที่เคยและน่าดึงดูดใจเป็นอย่างมาก สิ่งเหล่านี้คือการมอบทางเลือกในการสัมผัสประสบการณ์ความพิเศษที่มากขึ้นให้กับลูกค้าของเรา”
แรงบันดาลใจจากมอเตอร์สปอร์ต: ระบบไฮบริดประสิทธิภาพสูงสุดล้ำ

แฟรงค์โมเซอร์ (Frank Moser) รองประธานควบคุมดูแลกลุ่มผลิตภัณฑ์รถยนต์รุ่น 911 และ 718 กล่าว “วิศวกรของปอร์เช่ได้นำความรู้จากการแข่งมอเตอร์สปอร์ตมาเป็นพื้นฐานในการออกแบบระบบไฮบริดของ 911 คาร์เรร่าจีทีเอส (911 Carrera GTS) ใหม่เราพัฒนาและทดสอบแนวคิดและวิธีการต่างๆ มากมาย เพื่อให้ได้ระบบไฮบริดที่เหมาะสมกับ 911 อย่างลงตัว ผลลัพธ์ที่ได้คือ การขับขี่ที่ไม่เหมือนใคร เข้ากันได้กับแนวคิดโดยรวมของ 911 และช่วยยกระดับสมรรถนะได้อย่างเหนือชั้น”

เปิดจำหน่ายราคาตั้งแต่ 11.9 ล้านบาท
911 Carrera รุ่นใหม่ สามารถสั่งซื้อได้แล้วในรูปแบบตัวถัง Coupé และ Cabriolet พร้อมระบบขับเคลื่อนล้อหลัง รวมถึงรุ่น 911 Carrera GTS มีระบบขับเคลื่อนสี่ล้อและตัวถังแบบ Targa ที่มีเฉพาะระบบขับเคลื่อนสี่ล้อเท่านั้น ทั้ง2 รุ่นนี้จะมาพร้อมการติดตั้งระบบPorsche Doppelkupplung (PDK) เป็นอุปกรณ์มาตรฐานปอร์เช่ (Porsche)นำเสนอ 911 คาร์เรร่าใหม่รุ่นคูเป้(The new 911 CarreraCoupé)ในราคาเริ่มต้นที่11.9 ล้านบาท รวมภาษีมูลค่าเพิ่มและอุปกรณ์เฉพาะประเทศในส่วนของ911 Carrera GTS Coupé ราคาจะเริ่มต้นที่ 17.4ล้านบาทและราคาชุดแต่งแอโรคิทเสริมสำหรับ 911 คาร์เรร่าจีทีเอส (911 Carrera GTS) อยู่ที่300,000 บาท รวมภาษีมูลค่าเพิ่มและอุปกรณ์เฉพาะประเทศสนใจสั่งซื้อ หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่โชว์รูมและศูนย์บริการทั้ง 4 แห่ง

ปอร์เช่ 911 คาร์เรร่า - Porsche 911 Carrera (WLTP):
อัตราการบริโภคน้ำมันเชื้อเพลิงเฉลี่ย: 9.34 – 9.9 กิโลเมตรต่อลิตร (10,7 – 10,1 ลิตรต่อ 100 กิโลเมตร); อัตราการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เฉลี่ย (CO2): 244 – 230 กรัมต่อกิโลเมตร; CO2 คลาส: จี

ปอร์เช่ 911 คาร์เรร่าคาบริโอเล็ต - Porsche 911 Carrera Cabriolet (WLTP):
อัตราการบริโภคน้ำมันเชื้อเพลิงเฉลี่ย: 9.43 - 9.7 กิโลเมตรต่อลิตร (10,6 – 10,3 ลิตรต่อ 100 กิโลเมตร); อัตราการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เฉลี่ย (CO2): 242 - 235 กรัมต่อกิโลเมตร; CO2 คลาส: จี

ปอร์เช่ 911 คาร์เรร่าจีทีเอส - Porsche 911 Carrera GTS (WLTP, provisional values):
อัตราการบริโภคน้ำมันเชื้อเพลิงเฉลี่ย: 9.09 - 9.52 กิโลเมตรต่อลิตร (11,0 – 10,5 ลิตรต่อ 100 กิโลเมตร); อัตราการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เฉลี่ย (CO2): 251 - 239 กรัมต่อกิโลเมตร; CO2 คลาส: จี

ปอร์เช่ 911 คาร์เรร่าจีทีเอสคาร์บริโอเล็ต - Porsche 911 Carrera GTS Cabriolet (WLTP, provisional values):
อัตราการบริโภคน้ำมันเชื้อเพลิงเฉลี่ย: 9.09 - 9.34 กิโลเมตรต่อลิตร (11,0 – 10,7 ลิตรต่อ 100 กิโลเมตร); อัตราการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เฉลี่ย (CO2): 249 - 243 กรัมต่อกิโลเมตร; CO2 คลาส: จี

ปอร์เช่ 911 คาร์เรร่า 4 จีทีเอส - Porsche 911 Carrera 4 GTS (WLTP, provisional values):
อัตราการบริโภคน้ำมันเชื้อเพลิงเฉลี่ย: 9 - 9.52 กิโลเมตรต่อลิตร (11,1 – 10,5 ลิตรต่อ 100 กิโลเมตร); อัตราการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เฉลี่ย (CO2): 251 - 239 กรัมต่อกิโลเมตร; CO2 คลาส: จี

ปอร์เช่ 911 คาร์เรร่า 4 จีทีเอสคาบริโอเล็ต - Porsche 911 Carrera 4 GTS Cabriolet (WLTP, provisional values):
อัตราการบริโภคน้ำมันเชื้อเพลิงเฉลี่ย: 9.09 - 9.34 กิโลเมตรต่อลิตร (11,0 – 10,7 ลิตรต่อ 100 กิโลเมตร); อัตราการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เฉลี่ย (CO2): 250 - 244 กรัมต่อกิโลเมตร; CO2 คลาส: จี

ปอร์เช่ 911 ทาร์ก้า 4 จีทีเอส - Porsche 911 Targa 4 GTS (WLTP, provisional values):
อัตราการบริโภคน้ำมันเชื้อเพลิงเฉลี่ย: 9.09 - 9.25 กิโลเมตรต่อลิตร (11,0 – 10,8 ลิตรต่อ 100 กิโลเมตร); อัตราการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เฉลี่ย (CO2): 250 - 244 กรัมต่อกิโลเมตร; CO2 คลาส: จี

ในกรณีที่ระบุค่าอัตราการบริโภคน้ำมันเชื้อเพลิงหรือพลังงานและการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในรูปแบบช่วงนั้นค่าที่ระบุไม่ได้หมายถึงรถยนต์คันใดคันหนึ่งโดยเฉพาะและไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่นำเสนอมีไว้เพื่อวัตถุประสงค์ในการเปรียบเทียบระหว่างยานพาหนะประเภทต่างๆเท่านั้นอุปกรณ์และอุปกรณ์เสริมเพิ่มเติม (ชิ้นส่วนเสริมรูปแบบยางฯลฯ) ล้วนมีผลและสามารถเปลี่ยนค่าต่างๆ ของรถที่เกี่ยวข้องได้เช่นน้ำหนักแรงต้านทานการหมุนและอากาศพลศาสตร์ปัจจัยเหล่านี้นอกเหนือจากสภาพอากาศสภาพการจราจรและพฤติกรรมการขับขี่ยังส่งผลต่อการใช้เชื้อเพลิง/ไฟฟ้าการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์(CO2)ช่วงและค่าสมรรถนะของยานพาหนะอีกด้วย