Search
Close this search box.

BMW เปิดตัว SUV น้องเล็กสุด เจเนอเรชั่น 3 สุดไฮเทค BMW X1 และรุ่น  iX1 พลังไฟฟ้า100%

BMW เปิดตัว All-new BMW X1 2023 ใหม่ SUV น้องเล็กสุดเจเนอเรชั่นที่ 3 ทั้งเบนซิน ดีเซล Plug-in Hybrid พร้อมส่ง BMW iX1 ขุมพลังไฟฟ้าล้วน 100%

การมาครั้งนี้ของ SUV รุ่นเล็ก BMW X1 2023 ใหม่ ถูกพัฒนาต่อเนื่องเป็นเจเนอเรชันที่ 3 แล้ว ถือเป็นรถอเนกประสงค์ SAV (Sport Activity Vehicle) รุ่นเริ่มต้นในตระกูล X ของบีเอ็มดับเบิลยู ด้วยรูปลักษณ์ที่แข็งแกร่ง การใช้งานที่หลากหลาย ปรับดีไซน์ภายนอกเน้นความทันสมัยยิ่งขึ้น ทำให้ X1 ขึ้นแท่นรถยนต์อเนกประสงค์ไซส์เล็ก รุ่นขายดีของ BMW ใหม่ มีขุมพลังให้เลือกทั้ง เครื่องยนต์เบนซินไมลด์ไฮบริด, ดีเซลไมลด์ไฮบริด, ปลั๊กอินไฮบริด รวมถึงขุมพลังไฟฟ้าล้วน 100% ในรุ่น iX1 ที่เพิ่งถูกเปิดตัวเป็นอีกหนึ่งทางเลือก

พร้อมหน้าจอ BMW Curved Display และระบบปฏิบัติการ BMW Operating System 8 เป็นมาตรฐานในทุกคัน ไฟหน้าแบบ LED ดีไซน์เรียวบางเป็นอุปกรณ์มาตรฐานในทุกรุ่นย่อย สามารถเลือกออปชันเสริมเป็นไฟหน้าแบบ Adaptive LED พร้อมไฟสูงแบบ Matrix high beam แถมมี Matrix LED เป็นออพชั่นเสริม ขณะที่กระจังหน้าทรงไตคู่ ไซส์มหึมา ถูกออกแบบให้มีขนาดใหญ่ขึ้นจนเกือบจะมีลักษณะเป็นรูปสี่เหลี่ยมจตุรัสในแต่ละข้าง รับกับกันชนหน้าทรงเท่ห์ สไตล์ X คิ้วตัวแอล ตกแต่งฝั่งซ้าย-ขวา

ที่เปิดประตูดีไซน์แบบซ่อนรูปตัวถังดั้งเดิม จากเดิมแบบดึงก้าน พร้อมค่าสัมประสิทธิ์แรงเสียดทานถึง 0.26 เสา C กับ D ออกแบบให้หลังคาคล้ายกับรุ่นพี่ BMW X3 ที่ขาดไม่ได้เลยคือหลังคาพาโนรามิกซันรูฟ พร้อมล้ออัลลอยให้เลือกตั้งแต่ขนาด 17 นิ้ว พร้อมยาง 205/65 R17 18 นิ้ว พร้อมยาง 225/50 R18 ขนาด 19 นิ้ว พร้อมยาง 225/45 R19 และใหญ่สุด 20 นิ้ว

ภายในคล้าย BMW 2 Series Active Tourer ตกแต่งหรูด้วยเบาะหนังแบบใหม่ ลายไม้ แม้กระทั่งออพชั่นอำนวยความสะดวกคอนโซลหน้าแบบ Hyperscreen ที่มี จอสัมผัสแบบโค้ง BMW Curved Display พร้อมระบบปฏิบัติการ BMW Operating System 8 หรือ iDrive 8 การสื่อสารที่ฉับไวแบบ 5G ลำโพงคุณภาพจาก Harman Kardon 12 จุด เป็นมาตรฐานในทุกคัน ซึ่งทำงานผ่านหน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่ขนาด 10.25 นิ้ว และหน้าจอแบบสัมผัสขนาด 10.7 นิ้ว

ขณะที่ปุ่มควบคุม BMW iDrive ถูกพัฒนาขึ้นใหม่เพื่อรองรับการสัมผัสและสั่งงานด้วยเสียงได้ดียิ่งขึ้น เสริมด้วยระบบนำทาง BMW Maps ใช้พื้นฐานของระบบคลาวด์ พร้อมด้วยฟังก์ชัน Augmented View เป็นออปชันเสริม อีกทั้งยังสามารถถ่ายภาพจากกล้องที่ติดตั้งอยู่ภายในรถ เพื่อส่งไปยังสมาร์ทโฟนของเจ้าของรถได้อีกด้วย พร้อมเกียร์อัตโนมัติดีไซน์ใหม่แบบปุ่มบิดแทนคันเกียร์ เบาะหลังพับได้แบบ 40:20:40 ที่มีพื้นที่ด้านท้ายมากถึง 540-1,600 ลิตร

BMW X1 2023 ใหม่ ยังถูกติดตั้งระบบป้องกันการลื่นไถลของล้อ (Near-actuator wheel slip limitation) เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน เพิ่มประสิทธิภาพในการยึดเกาะถนน และยังสามารถติดตั้งช่วงล่างแบบ Adaptive M Suspension ที่สามารถเลือกปรับความหนืด และลดความสูงของช่วงล่างลง 15 มิลลิเมตรได้

ระบบช่วยเหลือการขับขี่ ทุกคันมาพร้อมระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ Cruise Control with brake function และระบบเตือนการชนด้านหน้า Front-coliision warning system ที่สามารถตรวจจับรถที่วิ่งมาในทางตรงกันข้ามในขณะเลี้ยวได้ เสริมด้วยระบบช่วยจอด Parking Assistant, กล้องมองภาพด้านหลัง Reversing Assist Camera และระบบช่วยถอยหลังอัตโนมัติ Reversing Assistant ที่มีให้ในทุกคันเช่นเดียวกัน

ขณะที่ระบบความปลอดภัยเพิ่มเติมประกอบด้วย ระบบช่วยควบคุมพวงมาลัย Steering and Lane Control Assistant, ระบบควบคุมความเร็วแบบแปรผันอัตโนมัติ Active Cruise Control with Stop&Go function, กล้องมองภาพรอบคัน Surround View และ Remote 3D View, ระบบบันทึกการขับขี่ BMW Drive Recorder และระบบอัปเกรดซอฟต์แวร์ Remote Software Upgrades ที่ช่วยให้สามารถเพิ่มฟีเจอร์อื่นๆ ในอนาคตได้

All-new BMW X1 ใหม่ มีให้เลือกทั้งเครื่องยนต์ Plug-in Hybrid ภายใต้รหัส X1 xDrive30e ที่อาศัยเทคโนโลยี BMW eDrive เจเนอเรชันที่ 5 พร้อมด้วยเครื่องยนต์เบนซินและดีเซล ที่มีเทคโนโลยี Mild-hybrid 48V ที่ช่วยเสริมการทำงานของเกียร์อัตโนมัติ 7 สปีดเพื่อลดอัตราสิ้นเปลืองและช่วยให้ส่งกำลังได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น

BMW ยังมีการเปิดตัว iX1 xDrive30 ขุมพลังไฟฟ้าล้วน 100% ซึ่งขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าจำนวน 2 ตัว ให้กำลังสูงสุด 313 แรงม้า (รวมพละกำลังที่ได้จากระบบบูสต์) แรงบิดสูงสุด 494 นิวตัน-เมตร สามารถเร่งความเร็วจาก 0-100 กม./ชม. ได้ในเวลาเพียง 5.7 วินาที พร้อมแบตเตอรี่ที่ถูกติดตั้งไว้ใต้ท้องรถ ซึ่ง BMW คาดว่าจะให้ระยะทางขับขี่ประมาณ 413 - 438 กิโลเมตร ต่อการชาร์จแต่ละครั้ง

All-new BMW X1 เจเนอเรชั่นใหม่นี้ เตรียมบุกการตลาดในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ โดยรุ่น PHEV-Plug In Hybrid เปิดขายไปทั่วโลก พฤศจิกายนนี้ ส่วนเมืองไทยคาดว่า จะเปิดตัวในช่วงต้นปีหน้า ชาวไทยต้องรอกันหน่อย แต่อาจโชคดี ช่วงปลายปี น่ามีการเปิดตัวในงานใหญ่ของรถยนต์ก็ได้ ต้องลุ้นกันนิด