Search
Close this search box.

REVER เปิดแบรนด์ DENZA และเปิดตัว DENZA D9 ราคาเริ่มต้น 1,999,900 บาท

รเว่ เปิดตัวแบรนด์ DENZA รุกตลาดลักชัวรี NEV เต็มรูปแบบ เปิดตัว DENZA D9 โมเดลแรกอย่างเป็นทางการ สำหรับตลาดประเทศไทย โดยประกาศราคาขายแนะนำ 2 รุ่นย่อย ได้แก่

• DENZA D9 Premium ราคา 1,999,900 บาท
• DENZA D9 Performance AWD ราคา 2,699,900 บาท

บริษัท เรเว่ ออโตโมทีฟ จำกัด ภายใต้กลุ่มธุรกิจเรเว่ เปิดตัวแบรนด์ DENZA (เดนซ่า) ยนตรกรรมพลังงานใหม่ในกลุ่มธุรกิจ BYD ที่นำเสนอนิยามใหม่ของความหรูให้กับทุกการเดินทาง เจาะกลุ่มผู้บริโภคในตลาดระดับบนด้วยดีไซน์อันเป็นเอกลักษณ์ เทคโนโลยีล้ำสมัยเพื่อความสะดวกสบาย และความปลอดภัยเหนือระดับ พร้อมขุมพลังของนวัตกรรมที่ตอกย้ำจุดยืนด้านความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เพื่อสร้างเสริมโลกที่ยั่งยืนให้กับทุกคน พร้อมทั้งเปิดตัว DENZA D9 โมเดลแรกอย่างเป็นทางการสำหรับ ตลาดประเทศไทย โดยประกาศราคาขายแนะนำ 2 รุ่นย่อย ได้แก่ DENZA D9 Performance AWD ราคา 2,699,900 บาท และ DENZA D9 Premium ราคา 1,999,900 บาท โดยเป็นราคาพิเศษเฉพาะผู้ที่จองตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน พ.ศ. 2567 - 31 ธันวาคม พ.ศ. 2567 และรับรถภายในวันที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2567 เท่านั้น และสำหรับผู้ที่จองรถ DENZA D9 Performance AWD ภายในวันที่ 2 พฤศจิกายน พ.ศ. 2567 และรับรถภายในวันที่ 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2567 จะได้รับโฮมชาร์จเจอร์ ABB พร้อมบริการติดตั้ง เพิ่มอีกด้วย

DENZA D9 Premium / DENZA D9 Performance AWD
ยนตรกรรมสำหรับผู้บริหารยุคใหม่ โดดเด่นด้วยการผสมผสานเทคโนโลยีที่ทันสมัยและสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน มอบประสบการณ์การเดินทางอันหรูหราและเป็นเอกลักษณ์

ดีไซน์และสมรรถนะ DENZA D9
ลักชัวรี่ MPV ที่ผสมผสานเทคโนโลยีล้ำสมัยและสิ่งอำนวยความสะดวกครบครันเพื่อรังสรรค์ที่สุดแห่งประสบการณ์การเดินทางอันหรูหราและเป็นเอกลักษณ์ด้วยการออกแบบภายใต้แนวคิด DENZA π - Motion ดีไซน์ด้านหน้ารถแบบ Pi Motion พร้อมด้วยไฟหน้ารูปแบบ Meteor Arrow และไฟท้ายออกแบบด้วยแนวคิด ฝนดาวตกแห่งกาลเวลา มาพร้อมกับสมรรถนะอันเป็นเลิศจากมอเตอร์ไฟฟ้าทรงพลังที่ให้กำลังสูงสุดถึง 275 kW และแรงบิดสูงสุด 470 นิวตัน-เมตร ขับเคลื่อนด้วยพลังงานจาก BYD Blade Battery ขนาด 103.36 kWh ให้ระยะทางวิ่งสูงสุด 580 กิโลเมตรตามมาตรฐาน NEDC โดยสามารถทำอัตราเร่งจาก 0-100 กิโลเมตร ได้ภายใน 6.9 วินาที เพลิดเพลินกับการเดินทางที่ราบรื่นกว่าที่เคยด้วยระบบกันสะเทือนอัจฉริยะ DiSus-C เทคโนโลยีช่วงล่างแบบไฟฟ้าเอกสิทธิ์เฉพาะจากบีวายดี รองรับการปรับแต่งความกระด้างและความนุ่มนวลผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ อีกทั้งยังช่วยเสริมประสิทธิภาพในการควบคุมรถ ลดปัญหาการยุบตัวของ ตัวรถ การพลิกคว่ำ การเกิดแรงกระชากเมื่อเบรกหรือเหยียบคันเร่ง

รูปแบบรถยนต์
รถตู้อเนกประสงค์ระดับลักชัวรี่ 7 ที่นั่ง (Luxury MPV)

ขนาดตัวถัง
• ความยาว 5,250 มิลลิเมตร
• ความกว้าง 1,960 มิลลิเมตร
• ความสูง 1,920 มิลลิเมตร
• ระยะฐานล้อ 3,110 มิลลิเมตร
• ระยะห่างของล้อ คู่หน้า/คู่หลัง 1,675/1,675 มิลลิเมตร
• รัศมีวงเลี้ยงแคบสุด 5.95 เมตร
• ความสูงใต้ท้องรถไม่รวมน้ำหนักบรรทุก 155 มิลลิเมตร
• ความสูงใต้ท้องรถรวมน้ำหนักบรรทุกสูงสุด 140 มิลลิเมตร
• ความจุสัมภาระด้านท้าย 410 ลิตร
• ความจุสัมภาระด้านท้ายสูงสุด 2,310 ลิตร

แพลตฟอร์ม
• e-Platform 3.0 ที่พัฒนาเฉพาะสำหรับรถพลังงานไฟฟ้าที่เป็นเอกสิทธิ์ของ BYD ที่มาพร้อมกับระบบขับเคลื่อนแบบ 8 in 1
• BYD Blade Battery ความจุแบตเตอรี่สูงสุด 103.36 กิโลวัตต์-ชั่วโมง
• ระยะทางวิ่งด้วยไฟฟ้าสูงสุด ตามมาตรฐานการทดสอบ NEDC
o รุ่น Premium 600 กิโลเมตร
o รุ่น Performance AWD 580 กิโลเมตร
• แพลตฟอร์มช่วงล่างอัจฉริยะ DiSus-C สำหรับรุ่น Performance AWD เพื่อความเป็นที่สุดของความสบายระหว่างการโดยสาร

การพัฒนาด้วยเทคโนโลยีระบบกันสะเทือนแบบแอคทีฟ
• ก้าวข้ามขีดจำกัดทางกลไกของระบบกันสะเทือนแบบพาสซีฟ เพื่อสัมผัสถึงระบบกันสะเทือนที่มีแรงอัดและแรงคืนตัวที่มีประสิทธิภาพ
o รองรับการปรับแต่งความแข็งกระด้างและความนุ่มนวลผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ เพื่อสัมผัสประสบการณ์ความสบายของการโดยสารตามที่คุณเลือก
o อัตราส่วนแรงอัดและแรงคืนตัวที่มีช่วงระยะของการอัดและคืนตัวที่มากกว่าระบบกันสะเทือนทั่วไปหลายเท่า
o ระบบตรวจสอบผ่านเซ็นเซอร์ตรวจจับการสั่นสะเทือนของการยุบและการคืนตัวของรถรวมถึงตรวจจับอาการของรถทั้งคัน โดยระบบควบคุมจะประมวลผลเพื่อควบคุม โซลินอยด์วาล์วผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ของระบบกันสะเทือน เพื่อช่วยลดโอกาสเกิดปัญหาของการทรงตัวที่ไม่มีเสถียรภาพ ไม่ว่าจะเป็นการยุบตัวของตัวรถ การพลิกคว่ำ การเกิดแรงกระชากเมื่อเบรกหรือเหยียบคันเร่ง ซึ่งไม่เพียงส่งผลให้มีรถสามารถควบคุมให้มีความสบายในการโดยสารอย่างมีประสิทธิภาพเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการเสริมประสิทธิภาพในการควบคุมอย่างมีประสิทธิภาพอีกด้วย

การเสริมประสิทธิภาพที่เด่นชัดมากยิ่งขึ้น
• ประสิทธิภาพด้านความสบาย:
o ระบบกันสะเทือนอิเล็กทรอนิกส์ ที่จะช่วยให้แรงหน่วงของระบบกันสะเทือนที่น้อยลง ที่จะช่วยเพิ่มให้ระหว่างการโดยสารสบายมากยิ่งขึ้น
• ประสิทธิภาพการควบคุม:
o ระบบกันสะเทือนแบบอิเล็กทรอนิกส์ ก็ยังสามารถสร้างแรงหน่วงที่มากกว่าเพื่อเสริมประสิทธิภาพในการควบคุมรถให้โดดเด่นมากยิ่งขึ้น ซึ่งถือเป็นจุดเด่นที่ระบบกันสะเทือนแบบแอคทีฟจะมีผลลัพธ์ที่แตกต่างและโดดเด่นกว่าระบบกันสะเทือนทั่วไปในท้องตลาดอย่างชัดเจน

ข้อมูลจำเพาะทางเทคนิค
• ระบบขับเคลื่อน
o รุ่น Premium ขับเคลื่อนล้อหน้า
o รุ่น Performance AWD ขับเคลื่อน 4 ล้อตลอดเวลา

• กำลังรวมสูงสุด
o รุ่น Premium 230 กิโลวัตต์
o รุ่น Performance AWD 275 กิโลวัตต์

• แรงบิดรวมสูงสุด
o รุ่น Premium 360 นิวตัน-เมตร
o รุ่น Premium 470 นิวตัน-เมตร

• อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง (วินาที)
o รุ่น Premium ภายใน 9.5 วินาที
o รุ่น Performance AWD ภายใน 6.9 วินาที

• ระบบกันสะเทือน
o ระบบกันสะเทือนด้านหน้าแบบ แม็คเฟอร์สันสตรัท
o ระบบกันสะเทือนด้านหลังแบบ มัลติลิงก์
o มาพร้อมกับดิสก์เบรกแบบมีช่องระบายอากาศทั้งด้านหน้าและด้านหลัง
o รุ่น Premium ติดตั้ง ระบบกันสะเทือนปรับอัตโนมัติตามความเร็วแบบ FSD
o รุ่น Performance ครั้งแรกกับการติดตั้งระบบกันสะเทือนอัจฉริยะ DiSus-C ที่เป็นเอกสิทธิ์เฉพาะของ BYD ในประเทศไทย

• กำลังการชาร์จ
o รองกรับการชาร์จกระแสสลับ AC – กำลังสูงสุด 11 กิโลวัตต์ (3 เฟส)
o รองรับการชาร์จกระแสตรง DC แบบ CCS2 - กำลังสูงสุด166 กิโลวัตต์
• ความสบายห้องโดยสาร
o VIP Cockpit จำนวน 3 แถว รวม 7 ที่นั่ง (รูปแบบการจัดเรียงที่นั่งแบบ 2-2-3)

ระบบความปลอดภัยและระบบขับขี่อัจฉริยะ
• ระบบการป้องกันอุบัติเหตุก่อนจะเกิดการชน Active Safety
o ระบบช่วยควบคุมเสถียรภาพการทรงตัวของรถ (ESC)
o ระบบป้องกันการลื่นไถลขณะขับขี่ (TCS)
o ระบบควบคุมการกระจายแรงเบรก (EBD)
o ระบบช่วยเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติ (AEB)
o ระบบช่วยเตือนเมื่อมีรถผ่านในจุดอับสายตาขณะถอยหลัง (RCTA)
o ระบบช่วยเบรกเมื่อมีรถผ่านในจุดอับสายตาขณะถอยหลัง (RCTB)
o ระบบช่วยเตือนเมื่อมีรถเคลื่อนผ่านจุดอับสายตาด้านหน้า (FCTA)
o ระบบช่วยเบรกเมื่อมีรถเคลื่อนผ่านจุดอับสายตาด้านหน้า (FCTB)
o ระบบช่วยรักษาช่องทางเดินรถฉุกเฉิน (ELKA)
o ระบบช่วยช่วยกระจายแรงเบรกอัจฉริยะ (HBA)
o ระบบช่วยควบคุมและช่วยป้องกันการพลิกคว่ำ (RMI)

• อุปกรณ์ความปลอดภัยหลังจากการชนเกิดขึ้น Passive Safety
o ถุงลมนิรภัยคู่หน้าฝั่งคนขับและผู้โดยสารตอนหน้า
o ถุงลมนิรภัยด้านข้างฝั่งคนขับและผู้โดยสารตอนหน้า
o ถุงลมนิรภัยด้านข้างสำหรับผู้โดยสารแถวที่สอง
o ม่านถุงลมนิรภัยด้านข้าง - ฝั่งคนขับและผู้โดยสารตอนหน้า ผู้โดยสารแถวที่สอง และ ผู้โดยสารแถวที่สาม

• ระบบช่วยเหลือการขับขี่อัจฉริยะ (Intelligent Driving)
o ระบบช่วยควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน (ACC)
o ระบบช่วยควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผันอัจฉริยะ (ICC)
o ระบบช่วยเตือนเมื่อรถออกนอกเลน (LDW)
o ช่วยเตือนเมื่อต้องการเปลี่ยนเลน (LCA)
o ระบบช่วยแจ้งเตือนอันตรายจากพฤติกรรมของผู้ขับขี่ (DMS)
o ระบบควบคุมการทรงตัวบนทางลาดชัน (HHC)
o ระบบช่วยควบคุมความเร็วขณะลงทางลาดชัน (HDC)
o เซนเซอร์ช่วยตรวจจับวัตถุรอบคัน 8 จุด
o กล้องมองภาพรอบคัน 360 องศา
o ระบบช่วยเตือนจุดอับสายตา (BSD)
o ระบบช่วยเตือนวัตถุเคลื่อนผ่านขณะเปิดประตู (DOW)
o ระบบจดจำป้ายสัญญาณจราจร (TSR)
o ระบบช่วยเตือนการชนด้านหน้า (FCW)
o ระบบช่วยเตือนการชนด้านหลัง (RCW)

การออกแบบ
ออกแบบภายใต้แนวคิด DENZA π-Motion สะท้อนความโมเดิร์นและความหรูหราของแบรนด์ โดยผสานเทคโนโลยีและรูปลักษณ์ที่ทันสมัยเข้าด้วยกันอย่างลงตัว
• ด้านหน้ารถแบบ Pi Motion
o การออกแบบด้านหน้าของ DENZA π-Motion ใช้แนวคิด Pi Motion (ไพร์ โมชั่น) นำเสนอความโมเดิร์นและความหรูหรา มาพร้อมไฟหน้ารูปแบบ Meteor Arrow และกระจังหน้าแบบฝนดาวตกสีเงิน
• ด้านหลังไฟท้ายออกแบบด้วยแนวคิดฝนดาวตกแห่งกาลเวลา
o มาพร้อมกับประตูไฟฟ้าคู่สำหรับผู้โดยสารด้านหลัง ยกระดับความหรูหราและความสะดวกสบาย เสริมด้วยยางเก็บเสียงคุณภาพสูงเพื่อให้ห้องโดยสารเงียบสงบและมีความเป็นส่วนตัวตลอดการเดินทาง
• ระบบไฟส่องสว่างรอบคัน
o ไฟหน้าและไฟท้ายแบบ LED มาพร้อมกับระบบเปิด-ปิดอัตโนมัติ
o ไฟส่องสว่างสำหรับการขับขี่ในเวลากลางวันแบบ LED
o ระบบไฟเลี้ยวด้านหลังแบบ Sequential
o ไฟเบรกบน ดวงที่ 3 แบบ LED
o ระบบช่วยควบคุมไฟสูงอัจฉริยะ (IHBC)
o ฟังก์ชันหน่วงเวลาการปิดไฟหน้า Follow-Me-Home
o ระบบไฟส่องมุมอับสายตา LED เมื่อเปิดไฟเลี้ยงหรือหมุนพวงมาลัยเมื่อขับขี่ด้วยความเร็วต่ำ
o แสงไฟตกแต่งช่องชาร์จไฟแบบมัลติคัลเลอร์

• ความสะดวกสบายและความปลอดภัย
o ครบครันทั้งระบบอำนวยความสะดวก ระบบความปลอดภัย และระบบช่วยขับขี่อัจฉริยะ มั่นใจได้ทุกการเดินทาง
o เซ็นเซอร์ตรวจจับน้ำฝนพร้อมก้านปัดน้ำฝนแบบไร้โครงเหล็ก
o สำหรับรุ่น Performance AWD กระจกมองหลังตัดแสงอัตโนมัติพร้อมกระจกมองหลังแบบสตรีมมิ่งกล้องมองภาพ (ติดตั้งในตัว)

• ห้องโดยสารที่ทันสมัย
o ห้องโดยสารเพิ่มความหรูหราในการสัมผัสสำหรับรุ่น Performance AWD ด้วยเพดานห้องโดยสารบุด้วยหนังกลับแบบพรีเมียม และเพดานห้องโดยสารแบบผ้าในรุ่น Premium
o ประตูผู้ขับขี่และผู้โดยสารตอนหน้าแบบผ่อนแรงปิด
o ห้องโดยสารมาพร้อมกับซันรูฟพร้อมม่านบังแดดสำหรับห้องโดยสารด้านหน้า และ หลังคากระจกขนาด 1.1 ตารางเมตร พร้อมม่านบังแดดเปิด-ปิดด้วยไฟฟ้าสำหรับผู้โดยสารด้านหลัง
o ระบบแสงไฟสร้างบรรยากาศแบบมัลติคัลเลอร์ พร้อมโหมดต่างๆ เพื่อปรับบรรยากาศห้องโดยสารให้มีความหรูหราเพิ่มมากยิ่งขึ้น
o หน้าจอเรือนไมล์ผู้ขับขี่แบบ LCD ขนาด 10.25 นิ้ว แบบ 3 มิติ
o ระบบมัลติมีเดียเพื่อความบันเทิงภายในห้องโดยสาร ไม่ว่าจะเป็น หน้าจอสัมผัสระบบมัลติมีเดียสำหรับผู้โดยสารด้านหน้าขนาด 15.6 นิ้ว รองรับการเชื่อมต่อโทรศัพท์มือถือผ่านบลูทูธ รวมถึงรองรับ Apple CarPlay® และ Android Auto™ แบบไร้สาย ระบบเครื่องเสียงพรีเมียมแบบ Hi-Fi Class Dynaudio พร้อมสำโพง 14 ตำแหน่ง
o สำหรับรุ่น Performance AWD เสริมด้วยระบบแสดงผลบนกระจกหน้า ขนาด 12 นิ้ว (W-HUD) เพื่อประสบการณ์การขับขี่ที่สมบูรณ์แบบ
o เบาะนั่งผู้ขับขี่และผู้โดยสารตอนหน้าปรับไฟฟ้า 8 ทิศทางพร้อมระบบพนักพิงดันหลังไฟฟ้า 4 ทิศทาง ระบบจดจำตำแหน่งที่นั่งเบาะคนขับ เบาะนั่งโดยสารแถวที่สอง ปรับไฟฟ้า 4 ทิศทางพร้อมระบบพนักพิงดันหลังไฟฟ้า 4 ทิศทาง โดยเบาะที่นั่งทั้งสองแถวมาพร้อมระบบนวดไฟฟ้าและระบบระบายอากาศ ระบบจดจำตำแหน่งเบาะนั่งโดยสารแถวที่สอง หน้าจอ LCD แบบมัลติฟังก์ชันบริเวณที่พักแขนแถวที่สองสำหรับควบคุมฟังก์ชันต่างๆ อย่างง่ายดาย
o ทั้งนี้เบาะนั่งยังมาพร้อมกับพนักพิงศรีษะที่สามารถปรับระดับสูงต่ำ และการปรับทรงให้เข้ากับสรีระศรีษะได้ 2 ทิศทางสำหรับผู้โดยสารตอนหน้า และ ปรับทรงให้เข้ากับสรีระศรีษะ 4 ทิศทางสำหรับผู้โดยสารแถวที่สอง
o ระบบตู้เย็นภายในรถยนต์ความจุ 7.5L ที่สามารถปรับช่วงองศาได้ตั้งแต่ -6 จนถึง 50 องศา และที่วางแก้วรอบคัน 12 ใบ ครอบคลุมทุกที่นั่ง
o ระบบปรับอากาศแบบอิสระ 3 โซน - ผู้ขับขี่ ผู้โดยสารตอนหน้าและห้องโดยสารตอนหลัง พร้อมระบบกรองอากาศ IONIZER และระบบกรองฝุ่น PM2.5 แบบประสิทธิภาพสูง (CN95)
o ที่ชาร์จโทรศัพท์มือถือแบบไร้สาย 3 จุด (กำลังสูงสุด 50W) ประกอบด้วย 1 จุดในห้องโดยสารตอนหน้า และ 2 จุด สำหรับเบาะนั่งผู้โดยสารแถวที่สอง
o แหล่งจ่ายไฟรอบคัน 7 จุด
 ช่องจ่ายไฟ 12V และ ช่อง USB - C และ USB - A อย่างละ 1 ตำแหน่ง สำหรับผู้โดยสารด้านหน้า
 ช่อง USB - C 2 ตำแหน่ง สำหรับผู้โดยสารแถวที่สอง
 ช่อง USB - C 2 ตำแหน่ง สำหรับผู้โดยสารแถวที่สาม

• อื่นๆ
o กระจกเปิดปิดอัตโนมัติแบบสัมผัสสวิตช์ครั้งเดียวพร้อมระบบป้องกันการหนีบ
o กระจกมองข้างพับเก็บอัตโนมัติและปรับองศาไฟฟ้า พร้อมระบบทำความร้อนไล่ฝ้า
o กระจกมองข้างพับเก็บไฟฟ้า
o ระบบจดจำองศากระจกมองหลัง
o เซ็นทรัลล็อก
o ประตูท้ายเปิด-ปิดไฟฟ้า (สามารถตั้งค่าการจดจำตำแหน่งได้)
o รองรับการตอบสนองคำสั่งเสียงอิสระ 4 โซน
o ระบบ Keyless Entry และ Keyless Start
o ระบบควบคุมการสตาร์ทรถยนต์ระยะไกล
o ระบบควบคุมการเปิดแอร์ล่วงหน้าระยะไกล
o รองรับการเชื่อมต่อเครือข่ายอินเทอร์เน็ต 4G
o รองรับการอัพเดทซอฟแวร์ผ่านสัญญาณอินเตอร์เน็ต (OTA)
o DENZA กุญแจดิจิตอล NFC ที่จะเปลี่ยนโทรศัพท์ของคุณเป็นกุญแจอัจฉริยะ
o ระบบกุญแจแบบบัตรอิเล็กทรอนิกส์ NFC (NFC Card)

นายหลิว เสวียเลี่ยง ผู้จัดการทั่วไป ฝ่ายขาย ประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก บริษัท บีวายดี ออโต้ อินดัสทรี จำกัด กล่าวว่า “การเติบโตอย่างก้าวกระโดดของอุตสาหกรรมรถยนต์พลังงานใหม่ในประเทศไทยในช่วงสองถึงสามปีให้หลังสะท้อนถึงศักยภาพที่รอการปลดปล่อยของตลาดพรีเมียมซึ่งยังคงมีพื้นที่ให้ขยายตัวตามการเติบโตทางเศรษฐกิจในกลุ่มผู้บริโภคในตลาดระดับบน เรายินดีอย่างยิ่งที่ได้สานต่อความสำเร็จกับพันธมิตรระยะยาวอย่างเรเว่ ออโตโมทีฟ กับการเปิดตัวแบรนด์ DENZA อย่างเป็นทางการเพื่อยกระดับประสบการณ์ขับขี่ให้ชาวไทยได้สัมผัสถึงความหรูหราในทุกมิติ เราเชื่อว่าแบรนด์ DENZA จะเข้ามาสร้างสีสันและเพิ่มตัวเลือกผลิตภัณฑ์ยานยนต์ในตลาดให้กับผู้บริโภค กระตุ้นการขยายตัวทางเศรษฐกิจ และผลักดันตลาดยานยนต์ลักชัวรี่พลังงานใหม่ในประเทศไทยให้เติบไตต่อไป”

นายประธานวงศ์ พรประภา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มธุรกิจเรเว่ กล่าวว่า “ตลาดรถยนต์ในประเทศไทย ในปัจจุบันขับเคลื่อนด้วยความต้องการที่เพิ่มขึ้นของผู้บริโภคชาวไทยที่หันมาให้ความสำคัญกับการส่งเสริมความยั่งยืน จึงยังเห็นการเติบโตและโอกาสของกลุ่มรถยนต์พลังงานใหม่ซึ่งรวมถึงรถไฟฟ้าพรีเมียม เรเว่ ออโตโมทีฟ ภายใต้กลุ่มธุรกิจเรเว่ มุ่งมั่นในการขับเคลื่อนประเทศไทยสู่อนาคตที่ดียิ่งกว่าผ่านการนำเสนอผลิตภัณฑ์คุณภาพพร้อมตัวเลือกที่หลากหลายสำหรับผู้บริโภคทุกกลุ่ม วันนี้ เราพร้อมแล้วที่จะพาชาวไทย ไปสัมผัสอีกระดับของความหรูหรากับ DENZA แบรนด์ยนตรกรรมพลังงานใหม่ระดับลักชัวรี่ ที่โดดเด่น ด้วยนวัตกรรมล้ำสมัย สมรรถนะที่ไม่เป็นรอง เทคโนโลยีเพื่อความสะดวกสบายและความปลอดภัยสูงสุด รวมถึงความเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม นำทัพโดย DENZA D9 ซึ่งมาพร้อมดีไซน์ที่สะท้อนความโมเดิร์นและความหรูหรา เทคโนโลยีและสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน รวมถึงระบบความปลอดภัยและระบบช่วยขับขี่อัจฉริยะ เราเชื่อว่า DENZA D9 จะไม่เพียงมอบประสบการณ์อันเป็นเอกลักษณ์และความมั่นใจให้กับทุกการเดินทาง แต่จะพลิกโฉมวงการยานยนต์ลักชัวรี่อเนกประสงค์ในไทยพร้อมกับสร้างความคึกคักให้กับทั้งอุตสาหกรรม ส่งท้ายปีอย่างแน่นอน”

นางสาวประธานพร พรประภา รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มธุรกิจเรเว่ กล่าวว่า “การเปิดตัวแบรนด์ DENZA นอกจากจะเป็นการนำแบรนด์ยนตรกรรมพลังงานใหม่มาสู่ตลาด ยังสะท้อนถึงความมุ่งมั่นของเรเว่ ในการสร้างระบบนิเวศ EV ที่ครอบคลุมยิ่งขึ้นในประเทศไทย รวมถึงส่งเสริมการสร้างความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับ EV ในรูปแบบต่างๆ ทั้งยังเป็นการสานต่อความตั้งใจที่จะเป็นหนึ่งกำลังสำคัญในการสร้างเศรษฐกิจสีเขียว หรือ Green Economy ให้เกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรมผ่านรถยนต์พลังงานใหม่ ควบคู่ไปกับการก้าวสู่อนาคตที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากขึ้น ตอกย้ำความเป็นผู้นำของเรเว่ที่พร้อมจะเติบโตไปพร้อมกับอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยในระยะยาว ที่สำคัญ เราจะยังคงเดินหน้าเสริมสร้างความไว้วางใจและยกระดับประสบการณ์ที่ลูกค้าจะได้รับทั้งด้านการขายและการบริการหลังการขาย โดยมีโชว์รูมและศูนย์บริการเฉพาะ ของแบรนด์ DENZA ที่จะพร้อมให้บริการระดับพรีเมียมกับลูกค้าทุกท่านให้เข้ามาสัมผัสนวัตกรรมยานยนต์พลังงานใหม่ระดับลักชัวรี่ตั้งแต่วันที่ 29 พฤศจิกายน พ.ศ. 2567 เป็นต้นไป และจะทยอยเปิดเพิ่มเพื่อรองรับความต้องการใช้รถแบรนด์ DENZA ในอนาคตต่อไป”

เอกสิทธิ์ด้านบริการสำหรับลูกค้า DENZA
โชว์รูมและศูนย์บริการแบรนด์ DENZA นำเสนอบริการระดับพรีเมียมโดยบุคลากรทั้งหมดจาก DENZA ไม่ว่า จะเป็นพนักงานฝ่ายขายและทีมช่างผู้เชี่ยวชาญ พร้อมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกมากมายเพื่อมอบประสบการณ์และความประทับใจให้กับลูกค้าตั้งแต่ก้าวแรก โดยทำเลที่ตั้งอยู่ในย่านสำคัญในกรุงเทพมหานคร และจังหวัดใหญ่ในประเทศไทย พร้อมมอบความสะดวกสบายในการเข้าถึงให้กับลูกค้าหลากหลายพื้นที่ รวมจำนวนทั้งสิ้น 10 แห่ง ประกอบด้วย
• กรุงเทพมหานคร 3 แห่ง ได้แก่ สาธุประดิษฐ์ เพชรบุรีตัดใหม่ และศรีนครินทร์
• ต่างจังหวัด 7 แห่ง ได้แก่ ระยอง ชลบุรี เชียงใหม่ ขอนแก่น สงขลา สุราษฎร์ธานี และภูเก็ต

ผู้ที่สนใจสามารถสั่งจอง DENZA D9 ได้ที่โชว์รูมและศูนย์บริการ DENZA ทุกสาขาตั้งแต่วันที่ 29 พฤศจิกายน พ.ศ. 2567 เป็นต้นไป โดยสามารถติดตามความเคลื่อนไหว รายละเอียดโปรโมชัน และสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ Facebook DENZA REVER Thailand