Search
Close this search box.

Toyota เปิดตัว All-New Toyota Innova Zenix 2023 มาพร้อมขุมพลังไฮบริด 2.0 ลิตร

รถรุ่นนี้มีการเปลี่ยนแพลตฟอร์มใหม่ทั้งหมดเลย รวมถึงมีการออกแบบดีไซน์ภายนอก-ภายในใหม่อีกด้วย

ราคาจำหน่ายของ All-New Toyota Zenix
รุ่น HEV Smart ราคา 1,379,000 บาท
รุ่น HEV Premiun ราคา 1,479,000 บาท

All-New Toyota Innova Zenix มากับ รหัส M20A-FXS ขุมพลังเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ แถวเรียง DOHC 16 วาล์ว แบบ Dual VVT-i ขนาด 2 ลิตร กำลังสูงสุด 152 แรงม้า ที่ 6000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 188 นิวตันเมตร ที่ 4400-5200 รอบ/นาที ส่วนมอเตอร์ไฟฟ้าให้กำลังสูงสุด 83 กิโลวัตต์ แรงบิดสูงสุด 206 นิวตันเมตร เมื่อเครื่องยนต์ทำงานคู่กับมอเตอร์ไฟฟ้า แรงม้ารวมจะอยู่ที่ 186 แรงม้า แบตเตอร์รี่เป็นแบบนิกเกิลเมทัลไฮดราย และคันนี้มากับเกียร์อัตโนมัติ E-CVT รวมถึงมีโหมดการขับขี่ทั้งหมด 4 โหมด ได้แก่ EV Mode, Power, Normal, Eco Mode และรองรับน้ำมัน E10

ระบบเบรกหน้า-หลังเป็นดิสก์เบรก ช่วงล่างหน้าแม็คเฟอร์สันสตรัท พร้อมเหล็กกันโครง ช่วงล่างหลัง ทอร์ชั่นบีมพร้อมเหล้กกันโคลง และล้ออัลลอยขนาด 18 นิ้ว

รุ่น HEV Premium

รุ่น HEV Smart

สำหรับ All-New Toyota Innova Zenix รุ่น HEV Smart จะเป็นรุ่นเริ่มต้น ส่วน รุ่น HEV Premiun เป็นรุ่นท็อป

ดีไซน์ภายนอกจะค่อนข้างเหมือนกัน ส่วนออฟชั่นระบบก็เหมือนกัน ประกอบด้วย ไฟหน้า ไฟส่องสว่างเวลากลางวัน ไฟตัดหมอกหน้า และไฟท้าย ทั้งหมดเป็นแบบ LED มีระบบควมคุมการเปิด-ปิดไฟหน้าอัตโนมัติ พร้อมระบบ Follow-Me-Home กระจกมองข้างพับเก็บอัตโนมัติ พร้อมไฟเลี้ยว LED และไฟส่องสว่าง Welcome Lamp รวมถึงฝาท้ายที่เป็นระบบเปิด-ปิดไฟฟ้า และในรุ่น Premium จะมีหลังคา Panoramic Sunroof ซึ่งในรุ่น Smart และ Premium จะมีสีภายในห้องโดยสารที่แตกต่างกัน

มิติตัวรถ ยาว 4760 มม. 1850 มม. 1790 มม. ระยะฐานล้อ 2850 มม.

ภายใน รุ่น Premium

ภายใน รุ่น Smart

ดีไซน์ภายใน รุ่น Smart ภายในจะเป็นเป็นสีดำ รุ่น Premium จะเป็นสีทูโทน น้ำตาล-ดำ และทั้ง 2 รุ่นนี้ ยังมากับเบาะนั่งผู้โดยสารแถวสองที่เป็นแบบ Captain Seat และมีโต๊ะส่วนตัวพับได้ ทั้งคู่ ซึ่งในรุ่น Premium เบาะจะปรับไฟฟ้า 2 ที่นั่ง และยังมีเบาะรองน่องปรับไฟฟ้าอีกด้วย ส่วนเบาะนั่งด้านคนขับปรับไฟฟ้าได้ 8 ทิศทาง เบาะนั่งผู้โดยสารด้านหน้าปรับธรรมดา ระบบพวงมาลัยปรับได้ 4 ทิศทาง (สูง-ต่ำ, ใกล้-ไกล) ส่วนกระจกหน้าต่างเป็นแบบไฟฟ้า พร้อมเปิด-ปิดอัตโนมัติ และระบบป้องกันการหนีบทั้ง 4 บาน ในห้องโดยสารภายใน มีจอคนขับ ขนาด 7 นิ้ว หน้าจอสัมผัส ขนาด 10.1 นิ้ว มีระบบเชื่อมต่อสามารถรองรับ Apple CarPlay แบบไร้สาย และ Android Auto ช่องต่อ USB ด้านหน้า 2 ตำแหน่ง (Type-A, Type-C) และด้านหลัง 2 ตำแหน่ง (Type -C) รวมถึงช่องต่ออุปกรณ์ไฟฟ้า 12V 2 ตำแหน่ง บริเวณคอนโซลหน้า และเบาะนั่งแถวที่ 3 ระบบปรับอากาศแบบอัตโนมัติ พร้อมช่องปรับอากาศตอนหลัง ส่วนในรุ่น Premium กระจกมองหลัง จะเป็นแบบปรับลดแสงสะท้อนอัตโนมัติ และมีระบบความคุมการเปลี่ยนเกียร์ที่พวงมาลัย (Paddle Shift)

ในรุ่น Premium จะมีกล้องมองรับคัน PVM (Panoramic View Monitor) ส่วนรุ่น Smart มีแค่กล้องมองหลัง และทั้ง 2 รุ่น จะมีระบบเซนเซอร์เปิด-ปิดฝาท้ายแบบไฟฟ้า Kick Activated รวมถึง ระบบเชื่อมต่อ T-Connect

สำหรับระบบความปลอดภัย ได้แก่ สัญญาณเตือนกะระยะด้านหน้า 4 ตำแหน่ง และด้านหลัง 4 ตำแหน่ง ไฟเบรกดวงที่สามแบบ LED สัญญาณไฟกะพริบเมื่อเบรกกะทันหัน ระบบเบรก ABS พร้อมระบบเสริมแรงเบิก BA และระบบกระจายแรงเบรก EBO ระบบควมคุมการทรงตัว VSC ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี TRC ระบบช่วยออกด้วยตัวบนทางลาดชัน HAC ระบบช่วยเตือนมุมอับสายตาที่กระจกมองข้าง BSM และช่วยเตือนขณะถอยรถ RCTA ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ Cruise Control พร้อมระบบ Dynamic Radar Cruise Control แบบ All-Speed และระบบลดความเร็วอัตโนมัติขณะเข้าโค้ง ระบบความปลอดภัยก่อนการชน PCS ระบบเตือนเมื่อรถออกนอกเลนพร้อมพวงมาลัยหน่วงกลับอัตโนมัติ LDA ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่กลางเลน LTA ระบบปรับไฟสูงอัตโนมัติ AHB เข็มขัดนิรภัยคู่หน้า-เบาะหลังเป็นแบบดึงรั้งกลับและผ่อนแรงอัตโนมัติ ELR 3 จุด 2 ตำแหน่ง พร้อมระบบเตือนคาดเข็มขัดนิรภัย เข็มขัดนิรภัย ที่เบาะนั่งแถว 2 (ELR 3 จุด 2 ตำแหน่ง พร้อมระบบเตือนคาดเข็มขัด และ เบาะนั่งแถวที่ 3 (ELR 3 จุด 3 ตำแหน่ง พร้อมระบบเตือนคาดเข็มขัด) ถุงลมเสริมความปลอดภัย SRS คู่หน้า ด้านข้าง รวมถึงม่านด้านข้าง มีจุดยึดเบาะเด็ก ISOFIX และระบบแจ้งเตือนลมยาง TPMS

โดยรุ่นนี้มีทั้งหมด 4 สี ได้แก่ Dark Steel Mica, Attitude Black Mica, Silver Metallic, Platinum White Pearl