Search
Close this search box.

เปิดราคา MG ES รถยนต์ไฟฟ้า 100% เคาะ 959,000 บาท มอเตอร์เดี่ยว 177 แรงม้า วิ่งได้ไกล 412 กม.

MG Sales (ประเทศไทย) เปิดราคา MG ES รถยนต์ไฟฟ้า 100% อย่างเป็นทางการ ในประเทศไทยที่ 959,000 บาท วิ่งไฟฟ้าได้สูงสุด 412 กม. ด้วย แบตเตอรี่ลิเธี่ยมไอรอนฟอสเฟต ความจุ 51 kWh ชาร์จแบบเร็ว Quick Charge ชาร์จไฟฟ้าจาก 0 – 80% ใช้เวลาประมาณ 40 นาที ที่ความเร็วสูงสุด 87 kW ชาร์จแบบธรรมดา Normal Charge ผ่าน MG HOME CHARGER 0% – 100% ใช้เวลาประมาณ 7 ชั่วโมง 15 นาที ที่ 6.6 kW (รองรับการชาร์จสูงสุดที่ 11 kW)

🔵 New MG ES 2023 ปรับปรุงรูปโฉมเน้นความทันสมัยมากยิ่งขึ้น (เมื่อเทียบกับ MG EP) ภายนอกติดตั้งไฟหน้า ไฟเบรกดวงที่ 3 และไฟท้ายแบบ Light Curtain Design พร้อมระบบเปิด-ปิดไฟหน้าอัตโนมัติ, ไฟส่องสว่างเวลากลางวัน, กระจกมองข้างปรับ-พับไฟฟ้า พร้อมไฟเลี้ยว, สปอยเลอร์หลัง, ราวหลังคา (Roof Rail) รองรับน้ำหนักได้สูงสุด 75 กิโลเมตร และล้ออัลลอยขนาด 17 นิ้ว ตัวถังของ MG ES มีขนาดความยาวตลอดคันอยู่ที่ 4,600 มม. ความกว้าง 1,818 มม. ความสูง 1,543 มม. ความยาวฐานล้อ 2,665 มม. และมีระยะต่ำสุดจากพื้น 115 มม.

🔵 New MG ES มีการเปลี่ยนแปลง เมื่อเทียบกับรุ่นเดิม MG EP Plus คือ
- เปลี่ยนดีไซน์ด้านหน้าและด้านหลังใหม่
- เปลี่ยนไฟหน้าเป็นแบบ Bi-beam LED
- เปลี่ยนไฟท้ายเป็นแบบ Light Curtain Design LED
- เปลี่ยนล้ออัลลอย เป็นขนาด 17 นิ้ว (รุ่นเดิม ขนาด 16 นิ้ว)
- เปลี่ยนดีไซน์แผงแดชบอร์ดด้านหน้า
- เปลี่ยนคอนโซลกลางเป็นแบบ Double Layer
- เปลี่ยนหน้าจอความบันเทิงเป็นขนาด 10.25 นิ้ว (รุ่นเดิม 8 นิ้ว)
- เปลี่ยนหน้าจอชุดมาตรวัดเป็นแบบ Digital ขนาด 7 นิ้ว
- เปลี่ยนมาใช้มอเตอร์ไฟฟ้าเวอร์ชั่นใหม่ 177 แรงม้า 280 นิวตันเมตร (รุ่นเดิม 163 แรงม้า 260 นิวตันเมตร)
- เปลี่ยนมาใช้แบตเตอรี่ Lithium-ion Phospahte ความจุ 51 kW (รุ่นเดิม 50.3 kWh) ระยะทางวิ่งสูงสุดต่อการชาร์จ เพิ่มขึ้นเป็น 412 กิโลเมตร (NEDC) (รุ่นเดิม 380 กิโลเมตร)
- เปลี่ยนจานเบรกด้านหลังเป็นแบบ Ventilated Disc Brake (รุ่นเดิม เป็นแบบธรรมดา ไม่มีครีบระบายความร้อน)

🔵 ส่วนที่ New MG ES มีเพิ่มเติมเข้ามา
- เพิ่มเบาะนั่งคู่หน้า ปรับด้วยไฟฟ้า 6 ทิศทาง (รุ่นเดิม ปรับด้วยมือ 6 ทิศทาง)
- เพิ่มกล้องมองภาพรอบคัน (รุ่นเดิม มีเฉพาะกล้องมองหลัง)
- เพิ่มถุงลมนิรภัยเป็น 6 ตำแหน่ง (รุ่นเดิม มีเฉพาะคู่หน้า)
- เพิ่มระบบเตือนเมื่อเสี่ยงต่อการชนรถด้านหน้า FCW (Forward Collision Warining)
- เพิ่มระบบช่วยเบรกอัตโนมัติ AEB (Autonomous Emergency Braking)
- เพิ่มระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน ACC (Adaptive Cruise Control)
- เพิ่มระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติที่ความเร็วตำ่ TJA (Traffic Jam Assist)
- เพิ่มระบบเตือนเมื่อออกนอกเลน LDW (Lane Departure Warning)
- เพิ่มระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลน LKA (Lane Keep Assist)
- เพิ่มระบบช่วยควบคุมรถเมื่อออกนอกเลน ELK (Emergency Lane Keeping Assist)

🔵 MG ES ใหม่ ปรับห้องโดยสารใหม่ ตกแต่งด้วยดีไซน์ Energetic Blue Strip ใช้เทคโนโลยีเบาะนั่งแบบ Zero-G Seats ช่วยกระจายน้ำหนักรองรับสรีระของผู้โดยสาร ทำให้นั่งสบายตลอดทาง เบาะนั่งหุ้มหนังสังเคราะห์ Denim Texture Design เน้นดูแลรักษาง่าย พร้อมระบบปรับไฟฟ้า 6 ทิศทางฝั่งผู้ขับขี่ และเบาะนั่งด้านหลังพับแยกแบบ 60:40 ได้ ติดตั้งแผงคอนโซลแบบ Double Layer พร้อมช่องเชื่อมต่อ USB-A และ USB-C รวมถึงพวงมาลัยมัลติฟังก์ชันหุ้มหนังปรับระดับได้ 4 ทิศทาง
MG ES 2023 ใหม่ ยังถูกติดตั้งหน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่แบบดิจิทัล (Digital Multi-function Display) ขนาด 7 นิ้ว และหน้าจอสัมผัสขนาด 10.25 นิ้ว พร้อมระบบเชื่อมต่อ i-SMART (Light Version) รองรับการเชื่อมต่อ Apple CarPlay และสมาร์ทโฟนระบบ Android และลำโพง 6 ตำแหน่ง อีกทั้งยังถูกติดตั้งกระจกมองหลังตัดแสงอัตโนมัติ, ระบบปรับอากาศแบบดิจิทัลพร้อมกรองฝุ่น PM 2.5 และกุญแจอัจฉริยะ Smart Key พร้อมปุ่ม Push Start

🔵ภายนอก ดีไซน์สเตชั่นแวกอน ไฟหน้ามากับไฟเบรกดวงที่ 3 และไฟท้ายเป็นแบบ LED ล้ออัลลอยด์ 17 นิ้ว กระจกมองข้างพับและปรับไฟฟ้าพร้อมไฟเลี้ยว ภายใน เบาะนั่งหุ้มด้วยวัสดุหนังสังเคราะห์ พร้อมการตกแต่งโทนสีฟ้า หน้าจอแสดงผลดิจิตอลขนาด 7 นิ้ว และหน้าจอสีระบบสัมผัสขนาด 10.25 นิ้ว สามารถรองรับการเชื่อมต่อมัลติมีเดีย Apple CarPlay และ Android

🔵 ขนาด และ มิติตัวถัง
- ความยาว : 4,600 มิลลิเมตร
- ความกว้าง : 1,818 มิลลิเมตร
- ความสูง : 1,543 มิลลิเมตร
- ระยะฐานล้อ wheelbase 2,665 มิลลิเมตร
- ระยะต่ำสุดถึงพื้น ground clearance 115 มิลลิเมตร
- ที่เก็บสัมภาระด้านท้าย 464 – 1,367 ลิตร เมื่อพับเบาะ

🔵 ขุมพลัง มอเตอร์ไฟฟ้า 100%
NEW MG ES ขับเคลื่อนล้อคู่หน้า (FWD) ด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าแบบ 8-Layer Hair Pin Permanent Magnetic Synchronous Motor (PMSM) ให้กำลังสูงสุด 177 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 280 นิวตัน-เมตร พ่วงด้วย แบตเตอรี่ลิเธียมไอรอนฟอสเฟต Lithium-ion Phosphate (LFP) ความจุ 51 kWh
สามารถขับขี่ได้เป็นระยะทาง 412 กิโลเมตรต่อการชาร์จเต็มแต่ละครั้ง ตามมาตรฐาน NEDC (New European Driving Cycle) พร้อมระบบ Liquid Cooling System ช่วยระบายความร้อนให้ทั้งมอเตอร์ไฟฟ้าและแบตเตอรี่ โดยระบบ KERS (Kinetic Energy Recovery System) ปรับได้ 3 ระดับ มาก ปานกลาง น้อย และแบตเตอรี่มาตรฐานความปลอดภัย IP67 ในการป้องกันน้ำและฝุ่น โหมดการขับขี่ 3 รูปแบบ ได้แก่ ECO COMFORT SPORT

MG ES รองรับการชาร์จ 2 รูปแบบ ทั้งแบบ Normal Charge และ Quick Charge โดยการชาร์จแบบธรรมดา Normal Charge ผ่าน MG Home Charger กระแสสลับ AC ผ่านหัวชาร์จแบบ Type 2 จาก 0-100% จะใช้เวลาประมาณ 7 ชั่วโมง 15 นาที ที่ 6.6 kW รองรับการชาร์จสูงสุดที่ 11 kW ซึ่งการชาร์จเร็วแบบ Quick Charge ด้วยกระแสตรง DC ด้วยหัวชาร์จ CCS2 ระดับ 0 - 80% ใช้เวลาประมาณ 40 นาที รองรับกำลังไฟสูงสุด 87 kWh อีกทั้งยังมีระบบ V2L (Vehicle to Load) เพื่อจ่ายไฟให้อุปกรณ์ไฟฟ้าภายนอก ด้วยกำลังไฟสูงสุด 2,200 วัตต์

🔵 ระบบความปลอดภัย MG ES 2023 พร้อมระบบ Advanced Driver Assistant System (ADAS) รวม 20 ระบบ ได้แก่
- ระบบเบรกมือไฟฟ้า EPB
- ระบบป้องกันการไหลของรถโดยไม่ต้องเหยียบเบรกค้าง AVH
- ระบบป้องกันล้อล็อกและกระจายแรงเบรก ABS/EBD
- ระบบควบคุมการทรงตัว SCS
- ระบบควบคุมเบรกในขณะเข้าโค้ง CBC
- ระบบป้องกันล้อหมุนฟรีและควบคุมการลื่นไถล TCS
- ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน HAS
- ระบบเปิด-ปิดไฟสูงอัตโนมัติ IHC
- ระบบสัญญาณไฟแจ้งเตือนเมื่อเบรกฉุกเฉิน ESS
- ไฟส่องนำทางหลังดับเครื่องยนต์ Follow Me Home Light
- ระบบตรวจสอบความผิดปกติของลมยาง TPMS
- ระบบช่วยเตือนเมื่อเสี่ยงต่อการชนคันหน้า FCW และระบบช่วยเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติ AEB
- ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน ACC
- ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติที่ความเร็วต่ำ TJA
- ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลน LKA
- ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลนและช่วยควบคุมรถเมื่อออกนอกเลน ELK
- ระบบช่วยเตือนเมื่อรถออกนอกเลน LDW และอื่นๆ
ขณะที่ระบบความปลอดภัยมาตรฐานอื่นๆ ได้แก่ กล้องมองภาพรอบทิศทางแบบ 3 มิติ, สัญญาณเตือนกะระยะถอยหลัง, เข็มขัดนิรภัยคู่หน้าแบบดึงรั้งพร้อมผ่อนแรงอัตโนมัติ, จุดยึดเบาะนั่งเด็ก ISOFIX, ถุงลมนิรภัยคู่หน้า ด้านข้าง และม่านถุงลมนิรภัย

🔵 MG ES มาพร้อมสีตัวถังให้เลือกถึง 5 สี ได้แก่
- สีขาว Arctic White
- สีดำ Black Knight
- สีเทา Andres Gray
- สีแดง Scarlet Red
- สีเงิน Champagne Silver
ตกแต่งภายในสไตล์ทูโทนพร้อมหุ้มด้วยวัสดุหนังสังเคราะห์ DENIM TEXTURE DESIGN

New MG ES ราคาจำหน่ายอย่างเป็นทางการ 959,000 บาท มาพร้อมข้อเสนอสุดพิเศษ (มูลค่า 90,453 บาท)
- ดอกเบี้ยพิเศษ 1.79% นาน 48 เดือน
- ฟรี ประกันภัยชั้น 1 พร้อม พ.ร.บ. คุ้มครอง 1 ปี
- ฟรี MG Home Charger พร้อมค่าติดตั้ง
- ฟรี สาย V2L จำนวน 1 ชุด
- รับประกันแบตเตอรี่นาน 8 ปี หรือ 180,000 กม.