Search
Close this search box.

MG เปิดสเปค MG ES ใหม่ เปิดรับจองในไทยแล้ว ปรับลุคใหม่จาก EP วิ่งไฟฟ้าสูงสุด 412 กม. เปิดราคา 20 มี.ค.

MG Sales (ประเทศไทย) เปิดสเปคเบื้องต้น รถยนต์ไฟฟ้ารุ่นใหม่ New MG ES (MG EP ไมเนอร์เชนจ์) ปรับลุคใหม่ สวยทั้งภายนอกภายใน วิ่งไฟฟ้าได้สูงสุด 412 กม. เปิดรับจอง ตั้งแต่วันที่ 13-19 มีนาคมนี้ ผ่านช่องทางเว็บไซต์ที่ https://onlinebooking.mgcars.com/ หรือจองผ่านแอพพลิเคชัน MG THAILAND ก่อนเปิดราคาอย่างเป็นทางการ 20 มีนาคม ในงาน Motor Show สำหรับผู้ที่จอง จะได้รับข้อเสนอพิเศษ จอง 10,000 บาท ใช้เป็นส่วนลดได้ 20,000 บาท รวมถึง รับฟรี! อุปกรณ์ต่อเชื่อมกระแสไฟ V2L มูลค่า 10,000 บาท

🔵 New MG ES 2023 ปรับปรุงรูปโฉมเน้นความทันสมัยมากยิ่งขึ้น (เมื่อเทียบกับ MG EP) ภายนอกติดตั้งไฟหน้า ไฟเบรกดวงที่ 3 และไฟท้ายแบบ Light Curtain Design พร้อมระบบเปิด-ปิดไฟหน้าอัตโนมัติ, ไฟส่องสว่างเวลากลางวัน, กระจกมองข้างปรับ-พับไฟฟ้า พร้อมไฟเลี้ยว, สปอยเลอร์หลัง, ราวหลังคา (Roof Rail) รองรับน้ำหนักได้สูงสุด 75 กิโลเมตร และล้ออัลลอยขนาด 17 นิ้ว ตัวถังของ MG ES มีขนาดความยาวตลอดคันอยู่ที่ 4,600 มม. ความกว้าง 1,818 มม. ความสูง 1,543 มม. ความยาวฐานล้อ 2,665 มม. และมีระยะต่ำสุดจากพื้น 115 มม.

🔵 New MG ES มีการเปลี่ยนแปลง เมื่อเทียบกับรุ่นเดิม MG EP Plus คือ
- เปลี่ยนดีไซน์ด้านหน้าและด้านหลังใหม่
- เปลี่ยนไฟหน้าเป็นแบบ Bi-beam LED
- เปลี่ยนไฟท้ายเป็นแบบ Light Curtain Design LED
- เปลี่ยนล้ออัลลอย เป็นขนาด 17 นิ้ว (รุ่นเดิม ขนาด 16 นิ้ว)
- เปลี่ยนดีไซน์แผงแดชบอร์ดด้านหน้า
- เปลี่ยนคอนโซลกลางเป็นแบบ Double Layer
- เปลี่ยนหน้าจอความบันเทิงเป็นขนาด 10.25 นิ้ว (รุ่นเดิม 8 นิ้ว)
- เปลี่ยนหน้าจอชุดมาตรวัดเป็นแบบ Digital ขนาด 7 นิ้ว
- เปลี่ยนมาใช้มอเตอร์ไฟฟ้าเวอร์ชั่นใหม่ 177 แรงม้า 280 นิวตันเมตร (รุ่นเดิม 163 แรงม้า 260 นิวตันเมตร)
- เปลี่ยนมาใช้แบตเตอรี่ Lithium-ion Phospahte ความจุ 51 kW (รุ่นเดิม 50.3 kWh) ระยะทางวิ่งสูงสุดต่อการชาร์จ เพิ่มขึ้นเป็น 412 กิโลเมตร (NEDC) (รุ่นเดิม 380 กิโลเมตร)
- เปลี่ยนจานเบรกด้านหลังเป็นแบบ Ventilated Disc Brake (รุ่นเดิม เป็นแบบธรรมดา ไม่มีครีบระบายความร้อน)

🔵 ส่วนที่ New MG ES มีเพิ่มเติมเข้ามา
- เพิ่มเบาะนั่งคู่หน้า ปรับด้วยไฟฟ้า 6 ทิศทาง (รุ่นเดิม ปรับด้วยมือ 6 ทิศทาง)
- เพิ่มกล้องมองภาพรอบคัน (รุ่นเดิม มีเฉพาะกล้องมองหลัง)
- เพิ่มถุงลมนิรภัยเป็น 6 ตำแหน่ง (รุ่นเดิม มีเฉพาะคู่หน้า)
- เพิ่มระบบเตือนเมื่อเสี่ยงต่อการชนรถด้านหน้า FCW (Forward Collision Warining)
- เพิ่มระบบช่วยเบรกอัตโนมัติ AEB (Autonomous Emergency Braking)
- เพิ่มระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน ACC (Adaptive Cruise Control)
- เพิ่มระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติที่ความเร็วตำ่ TJA (Traffic Jam Assist)
- เพิ่มระบบเตือนเมื่อออกนอกเลน LDW (Lane Departure Warning)
- เพิ่มระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลน LKA (Lane Keep Assist)
- เพิ่มระบบช่วยควบคุมรถเมื่อออกนอกเลน ELK (Emergency Lane Keeping Assist)

🔵 MG ES ใหม่ ปรับห้องโดยสารใหม่ ตกแต่งด้วยดีไซน์ Energetic Blue Strip ใช้เทคโนโลยีเบาะนั่งแบบ Zero-G Seats ช่วยกระจายน้ำหนักรองรับสรีระของผู้โดยสาร ทำให้นั่งสบายตลอดทาง เบาะนั่งหุ้มหนังสังเคราะห์ Denim Texture Design เน้นดูแลรักษาง่าย พร้อมระบบปรับไฟฟ้า 6 ทิศทางฝั่งผู้ขับขี่ และเบาะนั่งด้านหลังพับแยกแบบ 60:40 ได้ ติดตั้งแผงคอนโซลแบบ Double Layer พร้อมช่องเชื่อมต่อ USB-A และ USB-C รวมถึงพวงมาลัยมัลติฟังก์ชันหุ้มหนังปรับระดับได้ 4 ทิศทาง
MG ES 2023 ใหม่ ยังถูกติดตั้งหน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่แบบดิจิทัล (Digital Multi-function Display) ขนาด 7 นิ้ว และหน้าจอสัมผัสขนาด 10.25 นิ้ว พร้อมระบบเชื่อมต่อ i-SMART (Light Version) รองรับการเชื่อมต่อ Apple CarPlay และสมาร์ทโฟนระบบ Android และลำโพง 6 ตำแหน่ง อีกทั้งยังถูกติดตั้งกระจกมองหลังตัดแสงอัตโนมัติ, ระบบปรับอากาศแบบดิจิทัลพร้อมกรองฝุ่น PM 2.5 และกุญแจอัจฉริยะ Smart Key พร้อมปุ่ม Push Start

🔵ภายนอก ดีไซน์สเตชั่นแวกอน ไฟหน้ามากับไฟเบรกดวงที่ 3 และไฟท้ายเป็นแบบ LED ล้ออัลลอยด์ 17 นิ้ว กระจกมองข้างพับและปรับไฟฟ้าพร้อมไฟเลี้ยว ภายใน เบาะนั่งหุ้มด้วยวัสดุหนังสังเคราะห์ พร้อมการตกแต่งโทนสีฟ้า หน้าจอแสดงผลดิจิตอลขนาด 7 นิ้ว และหน้าจอสีระบบสัมผัสขนาด 10.25 นิ้ว สามารถรองรับการเชื่อมต่อมัลติมีเดีย Apple CarPlay และ Android

🔵 ขนาด และ มิติตัวถัง
- ความยาว : 4,600 มิลลิเมตร
- ความกว้าง : 1,818 มิลลิเมตร
- ความสูง : 1,543 มิลลิเมตร
- ระยะฐานล้อ wheelbase 2,665 มิลลิเมตร
- ระยะต่ำสุดถึงพื้น ground clearance 115 มิลลิเมตร
- ที่เก็บสัมภาระด้านท้าย 464 – 1,367 ลิตร เมื่อพับเบาะ

🔵 ขุมพลัง มอเตอร์ไฟฟ้า 100%
NEW MG ES ขับเคลื่อนล้อคู่หน้า (FWD) ด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าแบบ 8-Layer Hair Pin Permanent Magnetic Synchronous Motor (PMSM) ให้กำลังสูงสุด 177 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 280 นิวตัน-เมตร พ่วงด้วย แบตเตอรี่ลิเธียมไอรอนฟอสเฟต Lithium-ion Phosphate (LFP) ความจุ 51 kWh
สามารถขับขี่ได้เป็นระยะทาง 412 กิโลเมตรต่อการชาร์จเต็มแต่ละครั้ง ตามมาตรฐาน NEDC (New European Driving Cycle) พร้อมระบบ Liquid Cooling System ช่วยระบายความร้อนให้ทั้งมอเตอร์ไฟฟ้าและแบตเตอรี่ โดยระบบ KERS (Kinetic Energy Recovery System) ปรับได้ 3 ระดับ มาก ปานกลาง น้อย และแบตเตอรี่มาตรฐานความปลอดภัย IP67 ในการป้องกันน้ำและฝุ่น โหมดการขับขี่ 3 รูปแบบ ได้แก่ ECO COMFORT SPORT

MG ES รองรับการชาร์จ 2 รูปแบบ ทั้งแบบ Normal Charge และ Quick Charge โดยการชาร์จแบบธรรมดา Normal Charge ผ่าน MG Home Charger กระแสสลับ AC ผ่านหัวชาร์จแบบ Type 2 จาก 0-100% จะใช้เวลาประมาณ 7 ชั่วโมง 15 นาที ที่ 6.6 kW รองรับการชาร์จสูงสุดที่ 11 kW ซึ่งการชาร์จเร็วแบบ Quick Charge ด้วยกระแสตรง DC ด้วยหัวชาร์จ CCS2 ระดับ 0 - 80% ใช้เวลาประมาณ 40 นาที รองรับกำลังไฟสูงสุด 87 kWh อีกทั้งยังมีระบบ V2L (Vehicle to Load) เพื่อจ่ายไฟให้อุปกรณ์ไฟฟ้าภายนอก ด้วยกำลังไฟสูงสุด 2,200 วัตต์

🔵 ระบบความปลอดภัย MG ES 2023 พร้อมระบบ Advanced Driver Assistant System (ADAS) รวม 20 ระบบ ได้แก่
- ระบบเบรกมือไฟฟ้า EPB
- ระบบป้องกันการไหลของรถโดยไม่ต้องเหยียบเบรกค้าง AVH
- ระบบป้องกันล้อล็อกและกระจายแรงเบรก ABS/EBD
- ระบบควบคุมการทรงตัว SCS
- ระบบควบคุมเบรกในขณะเข้าโค้ง CBC
- ระบบป้องกันล้อหมุนฟรีและควบคุมการลื่นไถล TCS
- ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน HAS
- ระบบเปิด-ปิดไฟสูงอัตโนมัติ IHC
- ระบบสัญญาณไฟแจ้งเตือนเมื่อเบรกฉุกเฉิน ESS
- ไฟส่องนำทางหลังดับเครื่องยนต์ Follow Me Home Light
- ระบบตรวจสอบความผิดปกติของลมยาง TPMS
- ระบบช่วยเตือนเมื่อเสี่ยงต่อการชนคันหน้า FCW และระบบช่วยเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติ AEB
- ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน ACC
- ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติที่ความเร็วต่ำ TJA
- ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลน LKA
- ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลนและช่วยควบคุมรถเมื่อออกนอกเลน ELK
- ระบบช่วยเตือนเมื่อรถออกนอกเลน LDW และอื่นๆ
ขณะที่ระบบความปลอดภัยมาตรฐานอื่นๆ ได้แก่ กล้องมองภาพรอบทิศทางแบบ 3 มิติ, สัญญาณเตือนกะระยะถอยหลัง, เข็มขัดนิรภัยคู่หน้าแบบดึงรั้งพร้อมผ่อนแรงอัตโนมัติ, จุดยึดเบาะนั่งเด็ก ISOFIX, ถุงลมนิรภัยคู่หน้า ด้านข้าง และม่านถุงลมนิรภัย

🔵 MG ES มีให้เลือกทั้งหมด 5 สี ได้แก่
สีขาว Arctic White
สีดำ Black Knight
สีเทา Andres Gray
สีแดง Scarlet Red
สีเงิน Champagne Silver

🔵 ทั้งนี้ ราคาจำหน่าย MG ES 2023 ใหม่ จะถูกประกาศในงาน Motor Show โดยผู้สนใจสามารถจองล่วงหน้าผ่านโชว์รูม EV Authorized Dealer ของ MG และทางออนไลน์ผ่านเว็บไซต์ https://onlinebooking.mgcars.com/ พร้อมทั้งรับข้อเสนอพิเศษ จอง 10,000 บาท ใช้เป็นส่วนลดได้ 20,000 บาท และฟรีอุปกรณ์เชื่อมต่อกระแสไฟ V2L มูลค่า 10,000 บาท มาพร้อม MG Passion Service รับประกันคุณภาพตัวรถ Warranty นาน 4 ปี หรือ 120,000 กิโลเมตร รับประกันแบตเตอรี่นาน 8 ปี หรือ 180,000 กิโลเมตร