Search
Close this search box.

ปรากฏการณ์เปิดท้าย | ISUZU MU-X (2023)

เมื่อถือของเยอะ การเปิดท้ายรถจะไม่ใช่ปัญหาอีกต่อไปถ้าคุณใช้ ISUZU MU-X (2022-2023) ลืมไปได้เลยครับกับการที่เราถือของเยอะๆ อยู่ และกุญแจเราอยู่ในกระเป๋า เราไม่สามารถหยิบได้ ก็สามารถใช้ Kick Sensor ก็ได้ครับ แต่บางทีก็จะเปิดได้บ้างไม่ได้บ้าง คันนี้มีสเต็ปเซ็นเซอร์ให้ครับ สะดวกสบายถึงแม้จะถือของเยอะอยู่อย่างเช่นแบบนี้ ผมเปิดท้ายได้โดยที่ไม่ต้องทำอะไรเลย แล้วเราก็วางของได้แบบสบายๆ

โดยมีเงื่อนไข 3 อย่าง คือ 1 ต้องดับเครื่อง 2 ล็อครถ 3 ต้องมีกุญแจอยู่กับเราตลอดเวลา

ถ้าจะปิด ก็ง่ายๆ ขั้นตอนเดียวคือคุณสามารถสังเกตเสียงเตือนอยู่ตลอดเวลา ทั้งเวลาก้าวเข้าไป กำลังจะวางของ หรือกำลังจะให้ปิดท้าย ให้ถอยหลังออกมา พอได้ยินเสียงเตือนเสร็จ ก็จะปิดให้อัตโนมัติครับ

ถ้าไม่อยากให้เปิด เพียงเดินเข้ามาแล้วอยู่นิ่งจะได้เสียงเตือนถี่ๆ คือเป็นการยกเลิกการเปิดนั่นเองนะครับ

ถ้ามาจากด้านข้างเดินผ่านรถจากเซ็นเซอร์แรกมาถึงเซ็นเซอร์ที่สอง ระบบจะไม่ทำงาน แต่หากเดินมาจากด้านข้างแล้วได้เสียงสัญญาณ ถ้าเราตั้งใจจะเปิด ให้ถอยหลังมาหนึ่งก้าว จะเปิดให้อัตโนมัติเลย

นอกจากสเต็ปเซ็นเซอร์ ก็สามารถเปิดท้าย ได้ด้วยการกดปุ่มท้าย หรือว่าใช้รีโมท ซึ่งระบบนี้เป็นหนึ่งในไฮไลท์ของรถคันนี้ เท่านั้น

ISUZU MU-X ไฮไลท์ เป็นรถ PPV ที่ราคาถือว่าใช้ได้มากๆ ครับ สามารถลุยได้ แถมยังเป็นรถพรีเมี่ยมและเป็นครอบครัวได้ดีทีเดียว อเนกประสงค์มากๆ วัสดุโดยรวมไม่ว่าจะเป็นภายนอก ภายในคือดีมากๆ เลยครับ

ISUZU MU-X จะมีให้เลือกอยู่สองเครื่องยนต์ คือ
เครื่องยนต์ดีเซล ขนาด 1.9 ซีซี ให้กำลังสูงสุด 150 แรงม้าที่ 3,600 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 350 นิวตัน–เมตร ที่ 1,800–2,600 รอบ/นาที
เครื่องยนต์ดีเซล ขนาด 3.0 ซีซี ให้กำลังสูงสุด 190 แรงม้า ที่ 3,600 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 450 นิวตัน – เมตร ที่ 1.600 – 2,600 รอบ/นาที

ด้านพละกำลัง เครื่อง 1.9 จะไม่ได้แรงมากนัก หากต้องการความแรงแนะนำเครื่อง 3.0 ครับ ส่วนด้านลักษณะการใช้งาน ISUZU MU-X มีความอเนกประสงค์ เป็นรถครอบครัว ซึ่งเรื่องความแรงไม่ได้เป็นไฮไลท์ของ ISUZU อยู่แล้ว เพราะไฮไลท์ คือ ความทนทานความประหยัด แล้วก็บริการหลังการขายที่ถือว่าดีมากๆ ครับ

ISUZU MU-X มีให้เลือกทั้งขับสอง และขับสี่ ถ้าเป็นรุ่นขับสี่จะมีเฉพาะตัวท็อป 3.0 เท่านั้น และเป็นเกียร์อัตโนมัติหกจังหวะทุกรุ่น

ISUZU MU-X ราคาเริ่มต้นที่ 1,154,000 บาท ไปถึงตัวท็อป 4X4 ที่ 1,639,000 บาท ซึ่งหนึ่งในเหตุผลที่คนจะนิยมใช้ ISUZU MU-X ส่วนใหญ่ เพราะว่าราคานี้ใช้ได้ มาพร้อมออฟชั่นที่ดี ดีไซน์ก็ดีครับ

รถที่เปรียบเทียบได้ก็จะเป็นในกลุ่มของพีพีวี ไม่ว่าจะเป็น FORD EVEREST, TOYOTA FORTUNER, MITSUBISHI PAJERO SPORT, NISSAN TERRA

แต่ถ้าอยากจะได้รถเอสยูวีที่อยู่ในราคาแบบนี้ก็จะมี MAZDA CX-5, HONDA CR-V ที่เป็นเกรดที่สูงหน่อย

แต่ถ้าต่ำกว่านั้นก็จะเป็น MAZDA CX-30, HONDA HR-V, TOYOTA COROLLA CROSS เป็นต้น

ISUZU MU-X (2022-2023) มีความโดดเด่นใหม่ ได้แก่ สีตัวถัง Glacier Blue Mica เป็นสีใหม่ กระจังหน้ามีสองแถบเป็นสีโทนใหม่ทำให้ดูมีมิติ ล้ออัลลอยจะเป็นขนาดใหม่ 20 นิ้ว ยาง Bridgestone ขนาด 265/50 R20

ภายนอกโดยรวมจะเปลี่ยนชุดแต่งรอบคันครับเป็น Magnetite Gray จุดอื่นๆที่น่าสนใจจะมีไฟด้านหน้า Bi-Beam LED projector เปิด-ปิดอัตโนมัติ พร้อมระบบ Follow me Home ไฟส่องสว่างเวลากลางวันแบบ LED ไฟตัดหมอกแบบ LED ถือว่าครบมากๆครับ ด้านบนมีกล้องสองตัวเพิ่มประสิทธิภาพระบบความปลอดภัยต่างๆ ให้แม่นยำมากขึ้นอย่างระบบแจ้งเตือนก่อนการชนด้านหน้า FCW ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ แบบ Full Speed Range Adaptive Cruise Control with Stop & Go และระบบอื่นอีกมากมาย รวมถึงมี ระบบช่วยเตือนจุดอับสายตาที่กระจกมองข้าง BSM มาให้ด้วย

ด้านท้ายเป็นไฟท้ายแบบ LED สไตล์ Winglet Signature เล่นระดับแบบ 3 มิติ พร้อมที่ปัดน้ำฝนด้านหลังกล้องด้านหลังก็มีให้ครับที่คม และชัดมากๆ

ด้านข้างองศาการเปิดประตู ทั้งประตูหน้า และหลัง กว้างขวางใช้ได้ ความสูงจากพื้นถึงตัวถังสูง แต่มีบันไดเป็นสเต็ปขั้นไว้เพื่อความสะดวก และมีมือจับด้านหน้า ด้านหลังเป็นตัวช่วยอีกหนึ่งอย่าง

เบาะแถวหลัง สะดวกมากๆ โดยเฉพาะวัสดุของเบาะทำได้นุ่มมากๆ นั่งได้ทั้ง 3 ตำแหน่ง และเบาะกลางสามารถปรับเป็นที่วางแขน และยึดออกมาเก็บของ หรือปรับเป็นที่วางแก้วได้อีกด้วย อีกทั้งมีปลั๊ก AC 220V 150W และมี USB 2 ช่อง พร้อมด้วยแอร์หลังสามารถปรับได้ตามต้องการ

เบาะแถวที่สามวัสดุเหมือนกับแถวที่สอง เฮดรูม ยังเหลือนะยังเหลืออันนี้ใช้ได้เลย ถ้าจำเป็นสามารถนั่งได้ไม่อึดอัดมากนักแต่นั่งคนเดียวจะดีมากกว่า ซึ่งปกติเบาะแถวนี้จะเหมาะกับเด็กส่วนใหญ่ เพราะว่าพื้นที่จะไม่ได้กว้างมากนัก

ภายในเป็นสีน้ำตาล Macchiato Brown ให้ความแบบพรีเมี่ยม สีน้ำตาลตัดกับสีทองมีสีสันมากขึ้น แผงประตูด้านข้างก็พรีเมี่ยมเช่นเดียวกัน มากด้วยช่องเก็บของ ไฮไลท์ คือที่วางแก้วที่มีมาให้หลายจุด ทั้งฝั่งคนขับ คนนั่งด้านหน้า คอนโซนกลาง เป็นต้น

ระบบแอร์ เป็นแบบ Dual Zone ปรับอุณหภูมิแยกอิสระ ซ้าย-ขวา ปุ่มควบคุมทันสมัย สไตล์ ISUZU MU-X อีกทั้งมีจอสัมผัสขนาด 9" รองรับระบบ Android Auto และ Wireless Apple CarPlay รองรับ Bluetooth และช่องต่ออุปกรณ์ USB/AUX ใต้ปุ่มควบคุมแอร์มีช่องวางของ ถัดไปเป็นระบบต่างๆ อาทิ เบรกมือไฟฟ้า พร้อมระบบ Auto Break Hold ด้านที่วางแขนระหว่างเบาะให้ความสะดวกสบาย ซึ่งสามารถเปิดขึ้นเป็นช่องเก็บของได้อีกด้วย

ISUZU MU-X เป็นรถที่เอนกประสงค์ หากจะต้องทำความเร็ว หรือขับในเมืองที่รถติด ก็ตอบโจทย์ทั้งสองแบบ พวงมาลัยน้ำหนักเหมาะมือ ควบคุมวงเลี้ยวได้กระชับสบาย วัสดุที่หุ้มพวงมาลัยนุ่มมากๆ หน้าจอฝั่งคนขับชัดเจน ด้านทัศนวิสัยในการมองด้านหน้ากว้าง มุมมองด้านหลังพอเหมาะ การเดินคันเร่งเติมความเร็วทำได้ดีพอสมควร ส่วนการเบรกเพียงเหยียบเล็กน้อยก็เอาอยู่ และเมื่อขับออกออกนอกช่องทางจะมีเสียงเตือน แต่ไม่ได้ดึงรถกลับเข้าช่องทางปกติ แค่เตือนให้ดึงสติกลับมา ถือว่ามีข้อดีเหมือนกัน เพราะว่าสมมุติถ้าต้องการแซง หรือต้องออกนอกช่องทางบ้างเนื่องจากมีรถจอดอยู่ข้างทางจะสามารถขับต่อไปได้ โดยรถไม่ดึงกลับเข้าช่องทางปกติ หากระบบดึงรถเข้าช่องทางปกติอาจจะเกิดอันตรายได้ ซึ่งระบบนี้ถือว่าโอเค

ระบบช่วยเตือนจุดอับสายตาที่กระจกมองข้าง BSM จะเป็นสัญลักษณ์สีส้ม จะกระพริบ แต่น่าเสียดายอย่างเดียวคือไม่มีเสียงเตือน

ระบบเตือนกันชนหน้าหรือรอบคัน จะมีสัญญาณเตือน ไม่ว่าจะขับรถ หรือจอดรถนิ่งก็ตาม หากมีรถอยู่ด้านหน้าจะมีสัญลักษณ์เตือนที่หน้าจอ และหน้าคนขับ เมื่อใกล้มากเกินไปจะเบรดอัตโนมัติในระดับนึงอีกด้วย

ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ (Cruise Control) แบบ Full Speed Range Adaptive Cruise Control ทดลองตั้งระดับความเร็วประมาณ 60 กิโลเมตร / ชั่วโมง ขณะเข้าโค้ง หรือขับตามรถด้านหน้า ระบบนี้ก็ยังทำงานได้ตามปกติ ลองปรับระดับความเร็วขึ้นเป็น 110 กิโลเมตร / ชั่วโมง เมื่อรถด้านหน้าชะลอความเร็ว เซ็นเซอร์ก็จะทำงานทำให้รถเราชะลอความเร็วตามด้วย และเมื่อรถด้านหน้าขับทิ้งห่างออกไป รถเราก็จะทำความเร็วขึ้นไปตามที่ตั้งไว้ โดยทิ้งระยะห่างเพื่อความปลอดภัยด้วยเช่นกัน อย่างไรก็ตาม แนะนำว่าควรวางเท้าไว้ที่เบรกเพื่อความปลอดภัย หรือหากไม่มั่นใจก็ยกเลิกระบบนี้แล้วขับตามปกติ

*สามารถชมคลิปรีวิวฉบับเต็มได้ที่ Link ด้านล่างนี้เลยครับ