Search
Close this search box.

Mercedes-Benz ส่ง GLC ใหม่ 2023 ลุยรถขับเคลื่อน 4 ล้อ SUV สุดหรูขนาดกลาง เน้นเฉพาะรุ่นปลั๊กอิน-ไฮบริด

New Mercedes-Benz GLC 2023 เปิดตัวอย่างเป็นทางการครั้งแรกในโลก รถอเนกประสงค์ SUV นิว GLC รุ่น 2023 แบบ World Premiere ผ่านช่องทางออนไลน์ มีให้เลือกอย่างหลากหลายทั้งเบนซินและดีเซล โดยแต่ละรุ่นจะถูกติดตั้งระบบ Mild-hybrid ขณะที่ รุ่น Plug-in Hybrid เพิ่มระยะทางขับขี่ด้วยไฟฟ้าไกลกว่า 100 กม. ชูโลกใหม่สู่การใช้พลังงานไฟฟ้าในอนาคต

Mercedes-Benz ได้ทำตลาดกลุ่มนี้เมื่อประมาณ 7 ปีที่แล้ว ในปี 2015 โดยเปิดตัว GLC รุ่นแรกออกมา ถือว่า ได้รับความนิยมพอสมควร สำหรับรถขนาดกลาง GLC 2023 ใหม่นี้ ได้พัฒนาต่อเนื่อง เป็นรุ่นที่ 2 Mercedes-Benz ระบุว่า GLC เป็นโมเดลขายดีที่สุดในช่วงระยะเวลา 2 ปีที่ผ่านมา การปรับโฉมครั้งนี้ เรียกได้ว่าพัฒนาออกแบบขึ้นใหม่ทั้งหมดอย่างเป็นระบบ เครื่องยนต์ของ New GLC 2023 มีให้เลือกทั้งเบนซินและดีเซล 4 สูบ ควบรวมกับมอเตอร์ไฟฟ้า โดยแต่ละรุ่นจะถูกติดตั้งระบบ Mild-hybrid ที่ทำงานคู่กับระบบ ISG (Integrated starter-generator) เครื่องยนต์สันดาปภายในแบบไฮบริด เครื่องกำเนิดไฟฟ้ารุ่นที่สอง หรือจะเป็นเครื่องยนต์ Plug-in Hybrid ที่มีทั้งเบนซินและดีเซลเช่นกัน จะไม่มีรุ่นที่ขับด้วยเครื่องยนต์สันดาปแบบเดี่ยวๆ อีกต่อไป

โดยทั้งคู่ถูกเสริมการทำงานด้วยมอเตอร์ไฟฟ้ากำลังสูงสุด 100 กิโลวัตต์ แรงบิดสูงสุด 440 นิวตัน-เมตร ทำความเร็วสูงสุดในโหมดไฟฟ้าได้ 140 กม./ชม. และให้ระยะทางขับขี่ในโหมดไฟฟ้าได้ประมาณ 104 - 120 กิโลเมตรในรุ่นเบนซิน และ 102 - 117 กิโลเมตรในรุ่นดีเซล

สำหรับเครื่องยนต์เบนซินจะเป็นการทำงานร่วมกันของเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ 2,000 ซีซี พร้อมระบบไฮบริดแบบ 48 โวลท์ ซึ่งช่วยเพิ่มกำลังขับเคลื่อนให้อยู่ในระดับ 258 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 40.6 กก.-ม. มีอัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงใน 6.2 วินาที และล็อกความเร็วสูงสุดเอาไว้ที่ 209 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ส่วนรุ่นเทอร์โบดีเซลจะมีกำลังสูงสุด 261 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 50.5 กก.-ม.

รุ่น Plug-in Hybrid มีเครื่องยนต์หลักเป็นเบนซิน และเทอร์โบดีเซล ทั้ง 2 แบบ โดยมีกำลังสูงสุด 381 แรงม้า และสามารถขับในโหมด EV ทำระยะทางได้ 100 กิโลเมตรและจะมาพร้อมกับระบบช่วงล่างแบบถุง โดย GLC ใหม่ทุกรุ่นจะถูกติดตั้งระบบส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 9 จังหวะ 9G-TRONIC โดยจะมีทั้งรุ่นขับเคลื่อนล้อหลัง และแบบ 4 ล้อ 4MATIC

GLC ใหม่ มีการออกแบบที่มีความทันสมัย ผสานกับความสปอร์ตมากยิ่งขึ้น เน้นย้ำรูปลักษณ์ของ SUV ตัวถังขนาดความยาว 4,716 มิลลิเมตร มีการขยายความยาวของรถเพิ่มขึ้นอีก 60 มิลลิเมตร และลดความสูงต่ำกว่ารุ่นก่อน 4 มิลลิเมตร ความกว้างของแทร็กเพิ่มขึ้น 6 มิลลิเมตร ที่ด้านหน้า และ 23 มิลลิเมตร สำหรับขนาดความกว้างของรถยังคงเท่าเดิมที่ 1,890 มิลลิเมตร

พร้อมความกว้างขวางของห้องโดยสารที่มากขึ้น จากระยะฐานล้อที่เพิ่มอีก 15 มิลลิเมตรเป็น 2,888 มิลลิเมตร ช่วยทำให้ GLC สามารถรองรับการใช้งานได้เต็มประสิทธิภาพ โดยเฉพาะความกว้างขวางของเบาะนั่งหลัง และพื้นที่ในการบรรทุกสัมภาระ มีความจุด้านหลังก่อนการพับเบาะหลังลงอยู่ที่ 620 ลิตร มีฝาท้ายแบบ EASY-PACK เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน ซึ่งจะเปิดหรือปิดอย่างสะดวกเพียงกดปุ่ม หรือใช้ปุ่มบนกุญแจสตาร์ต สวิตช์ที่ประตูด้านคนขับ หรือที่จับสำหรับปลดล็อกที่ฝาท้าย

GLC ใหม่มีไฟหน้า LED ประสิทธิภาพสูงเป็นไฟ DIGITAL LIGHT และไฟหน้าที่ถูกออกแบบให้มีติ่งเชื่อมต่อเข้ากับกระจังหน้า โดยลูกค้าสามารถเลือกออปชันเสริมเป็นไฟหน้าแบบ DIGITAL LIGHT ที่สามารถฉายภาพสัญลักษณ์เตือนต่างๆ ลงบนพื้นถนนได้ พร้อมฟังก์ชันการฉายภาพมีความปลอดภัยสำหรับผู้ใช้ถนนคันอื่นๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อขับรถในเวลากลางคืน และช่วยให้สามารถสื่อสารกับผู้ใช้ถนนรายอื่นได้

สำหรับในห้องโดยสาร เน้นความสะดวกสบายด้วยหน้าจอขนาดใหญ่แนวตั้งตรงกลาง ขนาด 11.9 นิ้ว สำหรับควบคุมฟังก์ชั่นต่างๆ ในตัวรถ พร้อมอีกหน้าจอ แสดงผลข้อมูล มาตรวัดต่างๆ สำหรับผู้ขับขี่ ที่มีความคมชัดละเอียดสูง ขนาดใหญ่ 12.3 นิ้ว ทำงานควบคู่กับ ระบบอินโฟเทนเมนท์ MBUX (Mercedes-Benz User Experience) รุ่นล่าสุด

MBUX เป็นระบบดิจิทัลที่ชาญฉลาด ทั้งฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ พัฒนาอย่างก้าวกระโดด ภาพที่สวยงามบนจอแสดงผลส่วนกลางทำให้ง่ายต่อการควบคุมรถ ฟังก์ชันความสะดวกสบายต่างๆ จอภาพ LCD ทั้งสองจอ บรรจุข้อมูลที่นำเสนออย่างมีโครงสร้างและมีความชัดเจน สามารถใช้งานได้ง่าย ช่วยให้คนขับได้รับคำแนะนำเส้นทางที่ดีที่สุดจากระบบนำทางแบบใหม่ สำหรับการนำทางมีให้เลือกใช้ทั้งกล้องบันทึกสภาพแวดล้อมด้านหน้ารถ จอแสดงผลส่วนกลางแสดงภาพเคลื่อนไหวต่างๆ และยังวางซ้อนวัตถุ ข้อมูล และเครื่องหมายเสมือนจริง ซึ่งรวมถึงป้ายจราจร ลูกศรบอกทิศทาง คำแนะนำในการเปลี่ยนช่องทาง บ้านเลขที่ ทำให้การนำทางสะดวกขึ้น โดยเฉพาะการขับในเขตเมือง

MBUX ใหม่ ยังเชื่อมต่อกับอุปกรณ์สมาร์ทโฮมภายในบ้านได้ ด้วยระบบการรองรับทั้ง Android Auto และ Apple CarPlay ระบบการชาร์จแบบไร้สาย และระบบสแกนลายนิ้วมือเพื่อบันทึกโปรไฟล์ของผู้ขับขี่ แถมมีฟังก์ชัน Newsflash ที่รายงานข่าวสั้นๆ ไม่เกิน 2 นาที ให้ผู้โดยสารภายในรถรับทราบเหตุการณ์สำคัญที่เกิดขึ้น ระบบเสียง Burmester พร้อมลำโพง 15 ตัว ให้กำลังขับสูงสุด 710 วัตต์ได้ รวมทั้ง ระบบป้องกันการโจรกรรม GuardUAR 360° ไฟตกแต่งสร้างบรรยากาศภายในห้องโดยสาร และหลังคาพาโนรามิกซันรูฟที่ออกแบบคานกลางให้มีขนาดบางลงเพื่อเพิ่มความโปร่งโล่งมากยิ่งขึ้น เป็นต้น

GLC ใหม่นี้ ถึงจะเปิดตัวแล้ว แต่ตอนนี้ยังไม่ได้เข้าในเมืองไทย น่าจะจัดจำหน่ายในยุโรปและอเมริกา ช่วงเดือน กันยายน-ตุลาคม นี้ ประเทศไทยคาดต้นปีหน้า หรืออย่างเร็วก็ปลายปีนี้ น่าจะมีกำหนดเปิดตัวได้ คงต้องรอไปก่อน